
การพบปะหารือระหว่าง "ทักษิณ ชินวัตร" ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน กับ "อันวาร์ อิบราฮิม" นายกรัฐมนตรีมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568 ได้สร้างความสนใจอย่างมากในวงการการเมืองระหว่างประเทศ การหารือครั้งนี้มีนัยสำคัญที่สะท้อนถึงความพยายามในการยกระดับความร่วมมือระดับภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่เป็นความท้าทายร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียน
"การพัฒนาที่ยั่งยืนต้องอาศัยความร่วมมือมากกว่าการแข่งขัน" นับเป็นแก่นสำคัญของการหารือครั้งนี้ ซึ่งสะท้อนผ่านคำให้สัมภาษณ์ของนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่าทั้งสองผู้นำมีแนวคิดที่สอดคล้องกันในการมองว่าการเติบโตของประเทศต้องอาศัยความร่วมมือ มากกว่าการแข่งขันหรือแยกตัวดำเนินการเพียงลำพัง
ในด้านประเด็นที่มีการหารือ สามารถแบ่งออกเป็นหลายมิติที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "สถานการณ์ในเมียนมา" ที่ถือเป็นวาระเร่งด่วนของภูมิภาค นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่าประสบการณ์และเครือข่ายความสัมพันธ์ของทักษิณจะช่วยผลักดันให้เกิดการคลี่คลายปัญหาและสร้างสันติภาพในเมียนมาได้อย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ ยังมีการหารือในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยี โดยเฉพาะ "การพัฒนาสกุลเงินดิจิทัล" ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ในการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในอนาคต รวมถึงการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมร่วมกัน อาทิ "ปัญหาฝุ่น PM 2.5" และ "การจัดการภัยพิบัติทางธรรมชาติ" ซึ่งเป็นประเด็นที่ส่งผลกระทบข้ามพรมแดน
ที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือ บทบาทของ "ทักษิณ" ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน ซึ่งถือเป็นการกลับมามีบทบาทสำคัญในเวทีระหว่างประเทศ โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทยอย่างเป็นทางการ สะท้อนผ่านการที่ศาลอาญาอนุญาตให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรตามคำร้องขอ โดยพิจารณาถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับประเทศและความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ

สรุปข่าว
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเชื่อมั่นว่าการพูดคุยครั้งนี้จะนำไปสู่ความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นเมียนมาที่ต้องการการสนับสนุนจากประชาคมอาเซียนเพื่อสร้างความสงบสุขในภูมิภาค
คำถามสำคัญที่ต้องติดตามต่อไปคือ การผนึกกำลังระหว่าง "ทักษิณ-อันวาร์" จะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในระดับภูมิภาคได้มากน้อยเพียงใด? โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเมียนมาที่ยังคงเป็นความท้าทายสำคัญของอาเซียน การมีผู้นำที่มีประสบการณ์และวิสัยทัศน์อย่างทักษิณและอันวาร์จะสามารถผลักดันให้เกิดทางออกที่สร้างสรรค์ได้หรือไม่?
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เห็นได้ชัดจากการหารือครั้งนี้คือ แนวทางการทำงานที่มุ่งเน้น "การสร้างความร่วมมือที่สร้างสรรค์" แทนที่จะใช้ประเด็นความขัดแย้งเป็นเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์โลกในปัจจุบันที่ต้องการความร่วมมือระหว่างประเทศมากกว่าการเผชิญหน้า
การพบปะครั้งนี้จึงอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการยกระดับความร่วมมือในภูมิภาคที่จะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหาที่มีความซับซ้อนและต้องการความร่วมมือจากหลายฝ่าย ทั้งนี้ ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทุกประเทศสมาชิกอาเซียนร่วมมือกันอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยมี "ทักษิณ-อันวาร์" เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์สู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม
ที่มาข้อมูล : TNN เรียบเรียง
ที่มารูปภาพ : (ภาพจาก facebook / Anwar Ibrahim)