จุดเปลี่ยนการปราบแก๊งคอลฯ บททดสอบไทย-จีน บนพื้นที่ชายแดนสีเทา

ความร่วมมือไทย-จีน กับภารกิจสกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์

การเดินทางของ นายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะของจีนมายังประเทศไทยในวันที่ 29 มกราคม 2568 ถือเป็นความเคลื่อนไหวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความตึงเครียดของสถานการณ์อาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในเขตชายแดนไทย-เมียนมา การร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นมากกว่าการประชุมทางการทูต หากแต่เป็นการวางรากฐานของปฏิบัติการปราบปรามอาชญากรรมอย่างเป็นระบบ

การหารือระดับสูงระหว่างไทยและจีน

ก่อนการประชุมที่แม่สอด เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2568 นายหลิว จงอี ได้รับการต้อนรับจาก พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ณ ห้องรับรองประจำกระทรวงยุติธรรม ร่วมกับคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย ซึ่งรวมถึง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กรมสอบสวนคดีพิเศษ สภาความมั่นคงแห่งชาติ ป.ป.ส. ปปง. และ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม การประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่การ ส่งเสริมความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะปัญหาการหลอกลวงทางออนไลน์ การพนันออนไลน์ และการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญ

ในโอกาสเดียวกัน ฝ่ายจีนยังกล่าวถึง การครบรอบ 50 ปี ของความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและจีน ภายใต้แนวคิด “ปีทองแห่งมิตรภาพไทย-จีน” ซึ่งถือเป็นจังหวะสำคัญในการขยายความร่วมมือระหว่างสองประเทศไปในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยเน้นไปที่การเสริมสร้างความมั่นคงและการจัดการกับอาชญากรรมข้ามชาติอย่างเป็นรูปธรรม

แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปัญหาที่ขยายตัวจนเกินควบคุม?

ข้อมูลจากการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่ไทยและจีนเผยว่า ปัจจุบันในจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา มีสมาชิกของแก๊งคอลเซ็นเตอร์มากถึง 50,000 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ และสะท้อนถึงโครงสร้างขององค์กรอาชญากรรมที่แข็งแกร่ง กลุ่มเหล่านี้ไม่เพียงแต่ดำเนินการหลอกลวงคนจีนและคนไทย แต่ยังขยายเครือข่ายไปยังประเทศอื่น ๆ ทั่วเอเชีย ทำให้การจัดการกับปัญหานี้ต้องใช้แนวทางที่เป็นสากลมากขึ้น

มาตรการที่จีนเสนอ การตัดเส้นทางโครงสร้างสนับสนุน

จีนได้เสนอแผนการดำเนินการที่เข้มข้นเพื่อปราบปรามแก๊งเหล่านี้ โดยมีแนวคิดหลักคือ การส่งชุดสืบสวนร่วม มาทำงานกับเจ้าหน้าที่ไทย และใช้มาตรการ “ตัดน้ำ-ไฟ และปิดเส้นทางการเงิน” ของแก๊งอาชญากรรมเหล่านี้ ซึ่งเป็นมาตรการที่อาจได้ผลสูง เพราะการตัดสาธารณูปโภคและเงินทุนจะทำให้กลุ่มเหล่านี้ไม่สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม คำถามที่เกิดขึ้นคือ มาตรการเหล่านี้จะกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่? แม้ว่ามาตรการนี้จะมุ่งเป้าไปที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่การตัดน้ำไฟหรือการปิดกั้นธุรกรรมทางการเงินในพื้นที่ชายแดนอาจส่งผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์ และอาจก่อให้เกิดปัญหาทางมนุษยธรรมได้

การลงพื้นที่สำรวจแหล่งอาชญากรรม

คณะเจ้าหน้าที่จีนได้ลงพื้นที่สำรวจหลายจุดที่เป็นแหล่งต้องสงสัยของอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น บ่อนกาสิโนเคเคปาร์ค บ้านแม่กุใหม่ท่าซุง และ เมืองชเวโก๊กโก่ ฝั่งเมียนมา ซึ่งเป็นจุดที่ได้รับการกล่าวถึงว่ามีการลงทุนของกลุ่มทุนจีนสีเทา การตรวจสอบพื้นที่เหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อทำความเข้าใจถึงโครงสร้างและขอบเขตของปัญหา และกำหนดมาตรการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

"ความเงียบ" หลังการประชุม และประเด็นที่ยังไม่ถูกเปิดเผย

สิ่งที่น่าสังเกตคือ ภายหลังการประชุม เจ้าหน้าที่จากทั้งสองฝ่ายต่าง ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่จีนหรือไทย ความเงียบเช่นนี้อาจแสดงถึงความละเอียดอ่อนของมาตรการที่กำลังจะเกิดขึ้น หรืออาจเป็นไปได้ว่าการเจรจายังไม่เสร็จสิ้น และยังมีรายละเอียดที่ไม่สามารถเปิดเผยได้

การไม่ให้สัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่จีนและไทย ทำให้เกิดคำถามว่า การปฏิบัติการนี้จะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ทางการทูตกับเมียนมาอย่างไร? เพราะหากไทยและจีนเดินหน้าใช้มาตรการตัดเส้นทางสนับสนุนของแก๊งเหล่านี้โดยไม่มีความร่วมมือจากทางการเมียนมา อาจก่อให้เกิดความตึงเครียดทางการเมืองที่ซับซ้อนขึ้นได้

ผลกระทบและข้อควรระวังของมาตรการปราบปราม

มาตรการตัดน้ำ-ไฟ และปิดเส้นทางการเงิน อาจเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการตัดขาดแหล่งพลังของอาชญากร อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการควบคุมและการกำกับดูแลที่ดี อาจนำไปสู่ ผลกระทบด้านมนุษยธรรม ต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกัน การดำเนินมาตรการดังกล่าวจึงต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่เข้มงวด และต้องมีแนวทางรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับผู้บริสุทธิ์

ความท้าทายและอนาคตของความร่วมมือไทย-จีน

การร่วมมือครั้งนี้เป็น บททดสอบสำคัญ ว่าไทยและจีนสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพในการจัดการอาชญากรรมข้ามชาติหรือไม่ หากดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาจเป็น ต้นแบบของความร่วมมือระดับภูมิภาค ในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์

แต่หากการดำเนินการนี้ สร้างความขัดแย้งทางการทูต หรือก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่โดยไม่ตั้งใจ อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเช่นกัน

คำถามที่ต้องติดตาม

- การให้เจ้าหน้าที่จีนเข้ามาทำงานในไทยจะกระทบต่ออธิปไตยของไทยหรือไม่?

- มาตรการที่เข้มงวดจะสามารถกำจัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้จริง หรือเพียงแค่กดดันให้พวกเขาย้ายฐานปฏิบัติการไปที่อื่น?

- ไทยสามารถโน้มน้าวให้เมียนมาเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหานี้ได้หรือไม่?

ท้ายที่สุดแล้ว ความร่วมมือนี้จะเป็น จุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติอย่างแท้จริง หรือเป็นเพียงมาตรการที่แก้ปัญหาได้เพียงชั่วคราว? เรื่องนี้ยังต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด

จุดเปลี่ยนการปราบแก๊งคอลฯ บททดสอบไทย-จีน บนพื้นที่ชายแดนสีเทา

สรุปข่าว

วิเคราะห์ การเยือนไทยของผู้ช่วยรัฐมนตรีความมั่นคงจีน พร้อมข้อเสนอส่งชุดสืบสวนร่วม-ตัดสาธารณูปโภค เพื่อทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ที่มีสมาชิกกว่า 50,000 คน

ที่มาข้อมูล : TNN รวบรวม / เรียบเรียง

ที่มารูปภาพ : Freepik

แท็กบทความ

แก๊งคอลเซ็นเตอร์
หลิว จงอี
เมียวดี
แม่สอด
ค้ามนุษย์
ความร่วมมือไทย-จีน
ชเวโก๊กโก่