กลายเป็นความทุกข์ของชาวมัทฉะเลิฟเว่อร์ หลังผงมัทฉะในไทยขายตลาด หลายร้านประกาศระงับการขาย เพราะสินค้าไม่เพียงพอ ไปถึงมีการกักตุน รีเซลล์ขึ้นราคาขายแพงกว่าเดิมหลายเท่า จนกลายเป็นสินค้าหายากไป
แต่ไม่ใช่แค่ในไทยเท่านั้น ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ก็มีกระแสมัทฉะขาดแคลนในประเทศอื่นๆ รวมถึงต้นกำเนิดอย่างญี่ปุ่นด้วย
อะไรทำให้มัทฉะกลายมาเป็นสินค้าป็อปปูลาร์ แล้วมันขาดตลาดจริงไหม หรือเป็นเพียงแค่ชั่วคราวแล้วในอนาคตมันจะขาดแคลนอีกหรือไม่ ?
เมื่อมัทฉะ กลายมาเป็นของสุดฮอต
มัทฉะ กลายเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมในระดับโลก ไม่เพียงแต่ในญี่ปุ่นที่เป็นต้นกำเนิดของวัฒนธรรมการดื่มชา แต่ยังแพร่กระจายไปหลายประเทศ ทั้งในรูปแบบเครื่องดื่ม อาหาร และผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพ
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา การส่งออกชาญี่ปุ่นเติบโตอย่างรวดเร็ว จากเพียง 1% ของผลผลิตทั้งหมดในช่วงต้นทศวรรษ 2000 เป็นประมาณ 10% ภายในสิ้นปี 2023 ทั้งการส่งออกชาญี่ปุ่น รวมถึงมัทฉะ มีมูลค่าสูงถึงประมาณ 29,200 ล้านเยนในปี 2023 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจากที่บันทึกไว้ในปี 2019
ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มัทฉะ กลายเป็นของสุดฮอต และได้รับความนิยมคือ โซเชียลมีเดีย และอินฟลูเอนเซอร์ ที่มักโชว์คลิปการดื่มมัทฉะ รวมไปถึงอาหารที่มีส่วนผสมของมัทฉะเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตเพื่อสุขภาพ ซึ่งนั่นก็ดึงดูดกลุ่มมิลเลนเนียลและเจน Z ให้กลายมาเป็นผู้บริโภคมันฉะมากขึ้น ทั้งเมนูมัทฉะที่เพิ่มมากขึ้นตามคาเฟ่ ร้านอาหาร หรือในโซเชียล ทำให้มัทฉะกลายเป็นคอนเทนต์ที่ถูกใจของเหล่าอินสตาแกรมเมอร์ด้วย
ทั้งหลังการระบาดของโควิด-19 เมื่อญี่ปุ่นเปิดประเทศให้ท่องเที่ยวอีกครัง มัทฉะก็กลายเป็นหนึ่งในของฝากยอดนิยม รวมถึงขนม และอาหารรสมัทฉะต่างๆ และหาซื้อได้ง่ายในสถานที่ต่างๆ เช่น เกียวโตด้วย
สรุปข่าว
ปัญหาการขาดแคลนผงมัทฉะ: ข้อเท็จจริงหรือแค่กระแส?
ในญี่ปุ่นเอง เพราะราคามัทฉะในญี่ปุ่นถูกกว่าในหลายประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวซื้อมัทฉะกลับไปจำนวนมาก ความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นนี้ทำให้แบรนด์ชาญี่ปุ่นชื่อดังสองแบรนด์ ได้แก่ Ippodo และ Marukyu Koyamaen ซึ่งทั้งคู่มีร้านค้ายอดนิยมในเกียวโต ประสบปัญหาการขาดแคลนมัทฉะอย่างรุนแรง จนต้องหยุด หรือควบคุมการขาย โดยเรื่องแบบนี้ ถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
สถานประกอบการบางแห่งในต่างประเทศก็บังคับใช้ข้อจำกัดที่คล้ายกัน ร้านกาแฟและร้านค้าปลีกในซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เริ่มกำหนดข้อจำกัดในการซื้อ หลังความต้องการของมันสูงขึ้น และตามรายงานของ The Strait Times พบว่า ธุรกิจในสิงคโปร์ได้ปรับราคาผลิตภัณฑ์มัทฉะขึ้นถึง 15% ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม ปีที่ผ่านมาด้วย
ขณะที่ในประเทศไทย ก็เห็นถึงการกักตุน และขึ้นราคามัทฉะตามแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้น 100-200% รวมไปถึงฝั่งผู้ประกอบการอย่างร้าน Peace 和 oriental teahouse ก็แจ้งว่ายังไม่สามารถผลิตสินค้าได้ตามปริมาณความต้องการที่เพิ่มขึ้น รวมถึงได้ออกมาตการ
จำกัดการซื้อสินค้าบางรายการ ต่อบัญชี ต่อเดือน ให้เหมาะสม หรืออย่างร้าน MTCH เองก็ประกาศระงับการขายผงมัทฉะทุกชนิดอย่างไม่มีกำหนด จากปัญหา
ากักตุนสินค้า และการซื้อเพื่อนำไป ขายต่อแสวงหาผลกำไรด้วย
นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของความต้องการบริโภคมัทฉะในระดับโลก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และจีน ทำให้ซัพพลายไม่เพียงพอ ในปี 2023 ความต้องการมัทฉะระดับพรีเมียมเพิ่มขึ้นกว่า 30% ส่งผลให้สินค้าขาดตลาดในบางช่วงเวลา ร้านค้าหลายแห่งต้องเผชิญกับความล่าช้าในการนำเข้าสินค้า และราคาก็สูงขึ้นตามหลักอุปสงค์และอุปทาน
สาเหตุที่ทำให้มัทฉะหายากและราคาแพงขึ้น
1. พื้นที่การผลิต กระบวนการผลิตที่ซับซ้อนและใช้เวลานาน
แม้ว่าความต้องการมัทฉะจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ปริมาณการผลิตกลับไม่สามารถตอบสนองได้เต็มที่ อุตสาหกรรมการผลิตมัทฉะต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ หนึ่งคือข้อจำกัดด้านพื้นที่เพาะปลูก โดยเฉพาะในญี่ปุ่นซึ่งเป็นแหล่งผลิตมัทฉะคุณภาพสูง รวมถึงมีข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ เนื่องจากมัทฉะแท้คุณภาพดีส่วนใหญ่ผลิตในญี่ปุ่น โดยเฉพาะจากแหล่งที่มีชื่อเสียง เช่น อูจิ (Uji) ในจังหวัดเกียวโต นิชิโอะ (Nishio) ในจังหวัดไอจิ และชิซูโอกะ (Shizuoka) กระบวนการปลูกต้องใช้การพรางแสงเพื่อเพิ่มคลอโรฟิลล์ในใบชา ก่อนนำไปเก็บเกี่ยว บดละเอียดด้วยหินโม่เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่ละเอียดและรสชาตินุ่มลึก
มัทฉะไม่ใช่แค่การบดใบชาให้ละเอียดเท่านั้น แต่ต้องผ่านกระบวนการที่พิถีพิถันตั้งแต่การปลูก การเก็บเกี่ยว ไปจนถึงการบดด้วยหินโม่ที่ใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะได้ผงชาเพียงเล็กน้อย การผลิตมัทฉะคุณภาพสูงใช้แรงงานฝีมือและต้องการความชำนาญ ทำให้มีต้นทุนการผลิตสูง
ตัวอย่างเช่น มัทฉะเกรดเซริโมเนียล (Ceremonial Grade) ซึ่งเป็นเกรดสูงสุด มักผลิตจากใบชาอ่อนที่ต้องปลูกใต้ร่มเงานาน 3-4 สัปดาห์ก่อนเก็บเกี่ยว เพื่อเพิ่มระดับกรดอะมิโน เช่น แอล-ธีอะนีน ซึ่งให้รสหวานและลดความขม จากนั้นจึงนำใบชาไปนึ่ง ตากแห้ง และบดด้วยโม่หิน ซึ่งใช้เวลาถึง 1 ชั่วโมงในการผลิตผงมัทฉะเพียง 30 กรัม
2. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบต่อผลผลิต
ปัจจุบัน เทนฉะ ซึ่งเป็นใบชาที่ใช้ในการผลิตมัทฉะโดยเฉพาะ กำลังขาดแคลน ความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้ทำให้สต็อกที่มีอยู่หมดลงอย่างรวดเร็ว จนไม่สามารถเติมสต็อกได้อีกต่อไป เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ตามฤดูกาล
ทั้งภูมิอากาศที่แปรปรวนส่งผลโดยตรงต่อการปลูกชา เช่น อุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้ใบชางอกเร็วเกินไป ส่งผลต่อรสชาติและคุณภาพของมัทฉะ นอกจากนี้ พื้นที่ปลูกชาในญี่ปุ่นต้องเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น พายุไต้ฝุ่น น้ำท่วม และภัยแล้ง ซึ่งทำให้ผลผลิตลดลง
3. การขาดแคลนเกษตรกรและแรงงานฝีมือ
เกษตรกรชาวญี่ปุ่นจำนวนมากเข้าสู่วัยเกษียณ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมชา ซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้ทักษะสูง การขาดแรงงานรุ่นใหม่ทำให้หลายไร่ชาต้องลดกำลังการผลิต และบางแห่งถึงขั้นต้องเลิกทำไร่ชา ส่งผลให้ปริมาณมัทฉะลดลงตามไปด้วย
4. ความต้องการจากตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น
มัทฉะกลายเป็นที่นิยมในวงการสุขภาพและความงาม โดยมีการวิจัยชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ของมัทฉะต่อสุขภาพ เช่น การต้านอนุมูลอิสระ การเผาผลาญพลังงาน และการลดความเครียด ความต้องการจากตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ซัพพลายไม่เพียงพอ และราคามัทฉะจึงพุ่งสูงขึ้น
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Starbucks ซึ่งเปิดตัวเมนูเครื่องดื่มมัทฉะในหลายประเทศ และได้รับความนิยมอย่างมาก ทำให้เกิดความต้องการมัทฉะในเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
อนาคตของตลาดมัทฉะ: จะขาดแคลนต่อไปหรือไม่?
แม้ว่าปัจจุบันจะมีปัญหาด้านซัพพลาย แต่หลายฝ่ายเริ่มหาทางแก้ไข เช่น การขยายพื้นที่เพาะปลูกในประเทศอื่น ๆ อย่างจีน เกาหลีใต้ และไต้หวัน รวมถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม มัทฉะเกรดพรีเมียมจากญี่ปุ่นยังคงมีข้อจำกัดด้านปริมาณและคุณภาพที่ควบคุมได้ยาก
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าราคามัทฉะอาจยังคงสูงขึ้นในระยะสั้น แต่หากสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ ตลาดก็จะมีเสถียรภาพมากขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ แบรนด์ชาชั้นนำบางรายเริ่มปรับกลยุทธ์ เช่น การสร้างไร่ชาแบบยั่งยืน และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้มัทฉะน้อยลงเพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของตลาดได้ดียิ่งขึ้น
มัทฉะขาดตลาดจริง แต่เป็นผลมาจากหลายปัจจัย ทั้งกระบวนการผลิตที่ซับซ้อน การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ การขาดแคลนแรงงาน และความต้องการที่เพิ่มขึ้นในระดับโลก แม้ว่าจะมีแนวทางแก้ไขในระยะยาว แต่ในช่วงนี้ผู้บริโภคอาจต้องเผชิญกับราคาที่สูงขึ้นและการหามัทฉะคุณภาพดีที่ยากขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม ความนิยมของมัทฉะไม่น่าจะลดลง และตลาดมัทฉะยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ที่มารูปภาพ : Freepik