จัยตา! คำร้อง สั่ง 'ทักษิณ-เพื่อไทย' เลิกล้มล้างการปกครอง
นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องพร้อมเอกสารหลักฐานกว่า 5,080 แผ่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้สั่งทักษิณ ชินวัตรและพรรคเพื่อไทยเลิกการกระทำอันเป็นการล้มล้างการปกครอง ผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐชี้เป็นจุดเริ่มต้นเหตุการณ์ใหญ่ที่อาจนำไปสู่การยุบพรรคเพื่อไทย
วันนี้ (10 ต.ค.) เวลา 10.30 น. นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะประชาชน ได้เดินทางไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ศาลวินิจฉัยสั่งการให้ นายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 โดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อสื่อมวลชน
คำร้องพร้อมเอกสารหลักฐานกว่า 5 พันแผ่น
นายธีรยุทธได้ยื่นคำร้องและเอกสารประกอบต่อศาลรัฐธรรมนูญเป็นจำนวนมาก ประกอบด้วยคำร้อง 65 หน้า และเอกสารประกอบอีก 443 แผ่น รวมทั้งหมด 508 แผ่นต่อชุด โดยนำมายื่นถึง 10 ชุด ส่งผลให้มีเอกสารทั้งสิ้นกว่า 5,080 แผ่น
หลังจากยื่นคำร้องเสร็จสิ้น นายธีรยุทธจะแถลงข่าวสรุปสาระสำคัญของคำร้องต่อสื่อมวลชน ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบถึงรายละเอียดและเหตุผลของการยื่นคำร้องในครั้งนี้
ผู้บริหาร พปชร. ชี้เป็นจุดเริ่มต้นเหตุการณ์ใหญ่
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ยังได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 10 ต.ค.นี้ว่า จะเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ใหญ่ที่อาจนำไปสู่จุดจบของพรรคแกนนำรัฐบาล และอาจถึงขั้นล่มสลาย โดยเชื่อว่าเรื่องนี้จะพัฒนาไปถึงจุดนั้นได้อย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ก็มองว่ารัฐบาลปัจจุบันอาจมีอายุสั้นกว่ารัฐบาลก่อนหน้า โดยเหตุการณ์ใหญ่ในวันที่ 10 ต.ค.นี้ เกี่ยวข้องกับการยุบพรรคเพื่อไทย เนื่องจากมีหลายคดีที่อาจนำไปสู่การยุบพรรคได้
การยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ ถือเป็นการเริ่มต้นกระบวนการทางกฎหมายครั้งสำคัญ ที่อาจส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อวงการการเมืองไทย ทั้งการกระทบต่อพรรคเพื่อไทยและนายทักษิณ ชินวัตร ไปจนถึงเสถียรภาพของรัฐบาลปัจจุบัน
ทั้งนี้ คงต้องติดตามกันต่อไปว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยออกมาอย่างไร และจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อพรรคเพื่อไทย นายทักษิณ ตลอดจนรัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในภาพรวม การเมืองไทยในช่วงนี้จึงมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
ภาพ พลังประชารัฐ
เชิงอรรถ
มาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ระบุถึงการใช้สิทธิและเสรีภาพที่อาจนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ โดยมีรายละเอียดดังนี้:
มาตรา 49 วรรคแรก ระบุว่า บุคคลจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขไม่ได้ หากมีการใช้สิทธิหรือเสรีภาพในลักษณะนี้ บุคคลผู้ทราบการกระทำดังกล่าว สามารถยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุติการกระทำดังกล่าวได้
วรรคสอง ระบุว่า หากศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าวมีการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยจริง ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจสั่งให้ยุติการกระทำนั้นได้
การใช้สิทธิและเสรีภาพตามมาตรา 49 จึงครอบคลุมถึงการกระทำต่าง ๆ ที่อาจมีลักษณะเป็นการขัดต่อระบอบประชาธิปไตย เช่น การยุยงให้มีการล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองโดยไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ การเผยแพร่แนวคิดที่ขัดต่อระบบการปกครอง และการกระทำอื่น ๆ ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของระบอบการปกครองในลักษณะนี้
มาตรานี้ออกแบบมาเพื่อปกป้องและรักษาความมั่นคงของระบอบประชาธิปไตย และเพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้สิทธิเสรีภาพโดยไม่เคารพต่อระบบการปกครองที่ได้รับการรับรองจากรัฐธรรมนูญ
ข่าวแนะนำ