อินโดนีเซียมุ่งสู่ยุคมืดหรือไม่ รัฐสภาเพิ่มบทบาทกองทัพทางการเมืองมากขึ้น

การเมืองอินโดนีเซียกำลังร้อนระอุ การประท้วงดุเดือด เมื่อรัฐสภาอินโดฯ ผ่านร่างแก้กฎหมายที่มอบอำนาจให้ทหาร เข้ามามีบทบาทในรัฐสภามากขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญถึงกับเตือนว่า อินโดฯ กำลังดำดิ่งกลับไปสู่ยุคมืด เหมือนสมัยเผด็จการทหาร ซูฮาร์โต

แล้วการแก้กฎหมายนี้ มีรายละเอียดอย่างไร เรามาดูกัน

อินโดนีเซียมุ่งสู่ยุคมืดหรือไม่ รัฐสภาเพิ่มบทบาทกองทัพทางการเมืองมากขึ้น

สรุปข่าว

อินโดนีเซียกำลังดำดิ่งสู่ยุคมืดหรือไม่ หลังรัฐสภาลงมติแก้กฎหมาย อนุญาตให้กองทัพเข้ามามีบทบาททางการเมืองมากขึ้น รวมถึงเหล่านายพล ไม่ต้องเกษียณ ไม่ต้องลาออก ก็ดำรงตำแหน่งในรัฐบาลได้ จนตอนนี้ การเมืองอินโดฯ กำลังร้อนระอุหนัก

ประธานาธิบดีปราโบโว สุเบียนโต ซึ่งเป็นอดีตผู้บัญชาการทหารหน่วยรบพิเศษ เป็นตัวตั้งตัวตีสนับสนุนการแก้กฎหมายนี้ ที่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ทหาร ดำรงตำแหน่งในรัฐบาลได้ โดยไม่ต้องรอเกษียณอายุ หรือต้องลาออกจากกองทัพ

แต่ไม่ใช่ในทุกตำแหน่ง เพราะการแก้กฎหมาย จะอนุญาตคนในกองทัพดำรงตำแหน่งในสถาบันทางพลเรือน 14 แห่งเท่านั้น 

แถมสภายังแก้กฎหมายให้เหล่านายพลดำรงตำแหน่งได้นานขึ้น จากเดิมเกษียณอายุตอน 60 ปี ก็ขยายเป็น 63 ปี

เรื่องนี้สร้างความไม่พอใจต่อประชาชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่อย่างมาก ทำให้ผู้ประท้วงออกมาชุมนุมหน้ารัฐสภา เพื่อต่อต้านการแก้กฎหมายนี้  

พวกเขามองว่า หลักการประชาธิปไตยที่ดี คือ ทหารต้องไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ทหารควรดูแลค่ายทหาร และความมั่นคงแห่งชาติเท่านั้น 

แกนนำผู้ประท้วงคนหนึ่งบอกกับบีบีซีว่า รัฐสภาอินโดนีเซียได้ทำลายประชาธิปไตยของประเทศไปแล้ว 

ด้านกลุ่มสิทธิมนุษยชนท้องถิ่น มองว่า จริง ๆ แล้ว แม้จะไม่แก้กฎหมาย แต่กองทัพอินโดนีเซีย ก็เข้ามามีบทบาททางการเมืองอยู่แล้ว เพราะมีเจ้าหน้าที่ทหาร 2,600 นาย ที่ดำรงตำแหน่งข้าราชการพลเรือนอยู่แล้ว แม้จะมีความพยายามลดบทบาททหารในการเมืองมานาน 25 ปีก็ตาม 

จึงมองว่า นี่เป็นความพยายามกระชับอำนาจอย่างจริงจังของปราโบโว เพราะแม้แต่ฝ่ายค้านก็ลงมติเห็นชอบ

ความรู้สึกของคนอินโดฯ ตอนนี้ บางส่วนมองว่า ปราโบโว คือสัญลักษณ์การกลับมาของยุคอำนาจนิยม เพราะตัวเขาเอง ก็ผู้บัญชาการการปราบปรามนักเคลื่อนไหวในช่วงปี 1997-1998 ในยุคของซูฮาร์โต

และนับแต่เขาขึ้นสู่อำนาจ ก็ขยายบทบาทของกองทัพมากขึ้น อาทิ โครงการอาหารกลางวันฟรีสำหรับเด็กและหญิงตั้งครรภ์ แต่เป็นการรับอาหารจากกองทัพ เป็นต้น 

ที่มาข้อมูล : BBC and Reuters

ที่มารูปภาพ : Reuters

Thailand Web Stat