เมื่อวานนี้ (7 มีนาคม) นายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทัสก์ ของโปแลนด์เปิดเผยแผนการที่จะให้ “ผู้ชายทุกคน” ในโปแลนด์ต้องได้รับการ “ฝึกทหาร” (military training) เพื่อรับมือทุกความเสี่ยง โดยในการแถลงต่อรัฐสภาโปแลนด์ ทัสก์ระบุว่า แผนการนี้จะเป็นการฝึกทหารในสเกลขนาดใหญ่ และยังเป็นความพยายามเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับทุกสงครามหรือภัยคุกคามที่อาจเป็นไปได้ในอนาคต ซึ่งรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับแผนฝึกทหารนี้จะเผยแพร่ออกมาภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า และคาดว่าแผนดังกล่าวจะเริ่มขึ้นภายในช่วงสิ้นปี
นอกจากนี้ ทัสก์เปรียบเทียบขนาดกองทัพยูเครนที่มีทหารประมาณ 800,000 นาย ในขณะที่รัสเซียมีประมาณ 1.3 ล้านนาย ซึ่งโปแลนด์ในฐานะพันธมิตรของยูเครนก็ต้องการเพิ่มขนาดของกองทัพ รวมถึงไปถึงเพิ่มจำนวนทหารสํารองเป็น 500,000 นาย จากในปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 200,000 นายด้วย ซึ่งทัสก์มองว่าเป็นความจำเป็นที่โปแลนด์ต้องยกระดับกองทัพของตัวเองให้เต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถ
ทัสก์กล่าวด้วยว่าเขากำลังหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับแผนการนี้ เพราะอาจมีขั้นตอนอีกหลายอย่างที่ต้องเร่งจัดการ ขณะเดียวกัน ทัสก์ บอกว่า “ผู้หญิง” อาจต้องมาเข้าร่วมฝึกทหารในอนาคตด้วย แต่ทัสก์ยังมองว่าสงครามเป็นหน้าที่หลักของผู้ชายมากกว่า
สรุปข่าว
นอกจากนี้ ทัสก์ มองว่าโปแลนด์ยังต้องการได้รับอนุญาตให้มีอาวุธนิวเคลียร์เป็นของตัวเองไม่ว่าความเป็นไปได้จะไกลแค่ไหนก็ตาม เขากล่าวว่ามันเป็นที่ชัดเจนว่าโปแลนด์จะปลอดภัยมากกว่านี้ ถ้ามีคลังแสงนิวเคลียร์เป็นของตัวเอง โดยทัสก์ยังขอให้รัฐสภาอนุมัติงบประมาณด้านป้องกันประเทศเพิ่มเป็น 5% ของ GDP ในปีนี้ด้วย แต่ทั้งนี้รัฐบาลของทัสก์ก็ยังคงตรวจสอบข้อเสนอของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง อย่างรอบคอบ ที่ต้องการจะรวมยุโรปไว้ภายใต้ร่มนิวเคลียร์ของฝรั่งเศสด้วย