ทรัมป์สั่งยุบ "กระทรวงศึกษาธิการ" ปม สิ้นเปลือง-ไร้ประสิทธิภาพ-บ่มมาร์กซิสต์

“หัวรุนแรง-แนวคิดมาร์กซิสต์-สิ้นเปลือง-ผลิตชาวโว้ก และ เต็มไปด้วยอุดมการณ์เสรีนิยม” 


นี่คือเหตุผลที่ทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามมาโดยตลอดที่จะ “ยุบกระทรวงศึกษาธิการของรัฐบาลกลางลง” (DOE) และได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร (executive order) เมื่อวันพฤหัสบดี (20 มกราคม) เพื่อเริ่มต้นกระบวนการ “ปิดกระทรวงศึกษาธิการ” อย่างเต็มรูปแบบ และจะโยนให้กระทรวงศึกษาของแต่ละรัฐเดินหน้าดูแลเรื่องการศึกษาในรัฐของตัวเองต่อไป


นี่ไม่ใช่แนวคิดที่เพิ่งเกิดในสมัยทรัมป์ แต่นโยบายนี้ได้รับการผลักดันมานานแล้ว ตั้งแต่ยุคประธานาธิบดีรีพับลิกันคนก่อน ๆ สมัยยุค 1980s อย่าง  โรนัลด์ เรแกน 


แต่ก็ไม่ใช่ว่าทรัมป์ลงนามแล้วจะสามารถยุบกระทรวงได้เลย เพราะยังคงต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาคองเกรส ซึ่งเป็นผู้ตั้งกระทรวงนี้ขึ้นมา เมื่อปี 1979 เสียก่อน แต่ก็ใช่ว่าจะผ่านง่าย ๆ เพราะต้องได้รับความเห็นชอบถึง 60 เสียงในวุฒิสภา อีกทั้งยังมีชาวพับลิกันบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้  เพราะเมื่อปีที่แล้ว มีสส.รีพับลิกันถึง 60 คน ที่โหวตคัดค้านการยุบ DOE


ทรัมป์มองว่ากระทรวงศึกษาธิการ เป็นหน่วยงานที่ “สิ้นเปลือง” และเต็มไปด้วยอุดมการณ์เสรีนิยม และเป็นหน่วยงานที่ “ล้มเหลว” ต่อนักเรียนอเมริกันมานานแล้ว อีกทั้งยังต้องการตัดงบประมาณโรงเรียนที่สอนแนวคิดเชื้อชาติวิพากษ์ (Critical Race Theory) หรือ โรงเรียนที่สนับสนุนสิทธิคนข้ามเพศ ซึ่งทรัมป์ใช้คำว่า transgender insanity หรือ ความบ้าคลั่งของคนข้ามเพศ รวมถึงจะรับรองครูที่ยึดมั่นใน “ค่านิยมรักชาติ” และสนับสนุนวิถีแบบอเมริกัน

เครดิตภาพ Getty Images

เอกสาร fact sheet ของทำเนียบขาว ระบุว่า ความเคลื่อนไหวในการยุบกระทรวงศึกษาธิการนี้ จะ “ส่งมอบการศึกษาให้กับครอบครัว แทนที่จะเป็นงานของระบบราชการ” 


แฮร์ริสัน ฟิลด์ส รองโฆษกประจำทำเนียบขาว เปิดเผยกับ Fox News ว่า “4 ปีที่ผ่านมา พรรคเดโมแคครตอนุญาตให้ผู้เยาว์หลายล้านคนเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย และกลายเป็นปัญหาต่อทรัพยากรภายในโรงเรียน ที่ทำให้การโฟกัสที่เด็กอเมริกันนั้นน้อยลง 

ทรัมป์สั่งยุบ "กระทรวงศึกษาธิการ" ปม สิ้นเปลือง-ไร้ประสิทธิภาพ-บ่มมาร์กซิสต์

สรุปข่าว

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร เริ่มต้นกระบวนการ "ยุบกระทรวงศึกษาธิการ" ด้วยเหตุผลว่า "สิ้นเปลือง ไร้ประสิทธิภาพ ฯลฯ" แต่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาคองเกรสกอน

ลดภาระรัฐบาลกลาง 

แน่นอนว่า  DOE มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการจัดสรรงบประมาณด้านการศึกษา ดูแลโครงการช่วเหลือนักเรียนในกลุ่มเปราะบาง และกำกับดูแลสิทธิพลเมืองในโรงเรียน ซึ่งหากถูกยกเลิก หน้าที่เหล่านี้ก็อาจถูกโอนไปยังกระทรวงอื่น เช่น กระทรวงยุติธรรม หรือกระทรวงการคลัง แต่ยังไม่ได้มีรายละเอียดที่ชัดเจน


สหรัฐฯ มีเด็กนักเรียนในโรงเรียนรัฐกว่า 50 ล้านคน โดยมีราว 15% เป็นคนพิการ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เหล่าผู้ปกครอง และผู้ที่อยู่ในหน่วยงานการศึกษา ต่างรู้สึกถึงความสับสน ว่าจะกระทบต่อเด็ก ๆ อย่างไรต่อไป


โรงเรียนรัฐเหล่านี้ ส่วนใหญ่ได้รับงบประมาณจากภาษีที่จัดเก็บโดยรัฐและเทศบาล ซึ่งตามหลักแล้ว รัฐและเทศบาลมีอำนาจในการควบคุมเงินเหล่านั้นอยู่แล้ว โดยรัฐบาลกลางจะรับผิดชอบเงินทุนด้านการศึกษาราว 10% 


เครดิตภาพ: รอยเตอร์ส

กระทรวงศึกษาธิการ ทำหน้าที่อะไรบ้าง?

กระทรวงศึกษาธิการ ก่อตั้งขึ้นในสมัยจิมมี่ คาร์เตอร์ เมื่อปี 1979 ซึ่งแยกตัวออกมาจากกระทรวงสาธารณสุข, ศึกษาธิการ และสวัสดิการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคำมั่นสัญญาของประธานาธิบดีพรรคเดโมแครตในเวลานั้น ว่าจะตั้ง “สมาคมการศึกษาแห่งชาติ” ขึ้น 


และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความรับผิดชอบสูงสุดของหน่วยงานการศึกษานี้คือ “การจัดสรรเงินทุนด้านการศึกษาของรัฐบาลกลาง” เพื่อเสริมทรัพยากรของรัฐ และสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ซึ่งโครงการเหล่านี้ รวมถึง Title I ที่จัดสรรเงินช่วยเหลือให้กับโรงเรียนที่มีเด็ก ๆ จากครอบครัวรายได้น้อยที่มีสัดส่วนสูง, และโปรแกรมการศึกษาพิเศษ (Office of Special Education Programs-OSEP) ซึ่งเป็นโครงการที่จะพัฒนาผลลัพธ์ของเด็กทารก ไปจนถึงเยาวชนที่เป็นผู้พิการ รวมถึงโครงการสำคัญอย่างการกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ด้วย

เงินกู้นักเรียน ใครควรรับผิดชอบกันแน่?

เรื่องเงินกู้การศึกษา (กยศ.) ก็เป็นประเด็นมายาวนานแสนนาน และก่อนที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะลงจากตำแหน่ง ก็ประกาศ “ล้างหนี้กู้ยืมการศึกษา” ให้กับนักศึกษาคนละ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.5 แสนบาท ที่มีรายได้ต่ำกว่า ปีละ 125,000 ดอลลาร์ต่อปี หรือราว 4.5 ล้านบาท หวังให้นักศึกษาหมดภาระหนี้  

เครดิตภาพ: รอยเตอร์ส

ไบเดนบอกว่า “คนจะได้ออกจากภูเขาแห่งหนี้สินเสียที”


แต่ศาลอุทธรณ์รัฐบาลกลาง ตัดสินว่า รัฐบาลของไบเดน ไม่มีอำนาจในการดำเนินโครงการบรรเทาหนี้นักศึกษา  และเร่งรัดโครงการล้างหนี้กยศ. ด้วย


นักวิชาการหลายคนก็มองว่า นโยบายของไบเดนในการล้างหนี้กยศ.นั้น เป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด โดยมองว่า ปัญหาคือ ค่าธรรมเนียมการศึกษาในระดับชั้นที่สูง (มหาวิทยาลัย) มันแพงมาก ๆ จนกลายเป็นภาระของปัจเจกบุคคล ดังนั้นแทนที่รัฐบาลจะมีกองทุนเพื่อโรงเรียน เพื่อให้นักเรียน-นักศึกษากลับเข้าสู่ระบบได้เต็ม ๆ - แต่กลับกลายเป็นว่า เมื่อพวกเขาจ่ายเงินไม่ได้ รัฐบาลก็เข้ามาช่วยล้างหนี้ตรงนี้แทน


รัฐบาลทรัมป์มองว่า “นั่นเป็นการช่วยเหลือที่ใช้ภาษีของประชาชนโดยไม่เป็นธรรมโดยสิ้นเชิง” 


และแม้จะยุบกระทรวงนี้ลงแล้ว แต่ทำเนียบขาวย้ำว่า เงินทุนสำหรับกลุ่มนักเรียนผู้ยากจน และด้อยโอกาสจะไม่หายไป



avatar

ภัทร จินตนะกุล