หุ้นไทยยืนปิดบวก! ค้าปลีก-พลังงานหนุน

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,625.83  จุด บวก 7.60  จุด หรือ 0.47  % ระหว่างวันเคลื่อน ไหวสูงสุด 1,628.93  จุด ต่ำสุด 1,618.57  จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 71,439.73 ล้านบาทว่า  ตลาดหุ้นไทยปิดบวกตามตลาดหุ้นในภูมิภาค คลายความกังวลโอไมครอน  แม้ว่าจะมีผู้ติดเชื้อกระจายในหลายประเทศ แต่ยังไม่เห็นผู้เสียชีวิต 

ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศอยู่ระดับ 4,000 คนต่อวันทำให้ศบค.ผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงปีใหม่ สำหรับพื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวสามา รถดื่มสุราในคืนวันที่ 31 ธ.ค.64-1 ม.ค.65  ได้ไม่เกิน 01.00 น. เฉพาะร้านที่เป็นที่โล่ง อากาศถ่ายเทสะดวก ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจช่วยหนุนตลาดหุ้นในวันนี้

ส่วนหุ้นที่ปรับตัวขึ้นเป็นกลุ่มค้าปลีก เช่น MAKRO,CRC  และหุ้นพลังงาน อย่าง EA เนื่องจากมีปัจจัยบวกเฉพาะ และหุ้นโรงกลั่นน้ำมันจากราคาน้ำมันดิบฟื้นตัว

ทั้งนี้มองแนวโน้มหุ้นไทยพรุ่งนี้ฟื้นตัวต่ออย่างค่อยเป็นค่อยไป ตลาดรอผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดในคืนวันที่ 15 ธ.ค.นี้ว่าจะมีทิศทางนโนยบายการเงินอย่างไร หลังจากที่เงินเฟ้อปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 39 ปี  โดยตลาดคาดว่าเฟดจะลดคิวอีลงเดือนละ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดิม 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐและขึ้นดอกเบี้ยกลางปีหน้า รวมถึงดู DOT PLOT ของคณะกรรมการนโยบายการเงินเฟดทำให้นักลงทุน wait and see รอผลประชุมอย่างเป็นทางการ

ขณะเดียวกันจะต้องติดตามจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดโอไมครอนในไทยเพิ่มหรือไม่ จากที่มีอยู่ 8 รายที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และดูว่าไทยสามารถที่จะควบคุมได้มากน้อยแค่ไหน  อย่างไรก็ตาม มองกรอบการเคลื่อนไหวพรุ่งนี้แนวรับ 1,614 จุด แนวต้านที่1,630 จุด เน้นธีม Opening Play แนะนำ CPN,KBANK,ADVANC 

ขณะที่ Selective Buy ชอบหุ้น MCS  ครบทุกองค์ประกอบของหุ้นน่าลงทุนทิศทางกำไรสดใส จาก Backlog ที่ยังมีเหลืออีกกว่า 1แสนตัน รองรับการสร้างรายได้ถึงปี 2566 โดยช่วง2H64 มีแผนส่งมอบงานกว่า 4 หมื่นตัน เป็นงานที่ให้margin สูง อย่างโครงการ Toranomon และ Azabudai

โดยผู้บริหารเดินทางไปญี่ปุ่นในช่วง 4Q64 เพื่อเจรจางานเพิ่มเติมอีกราว 3 หมื่นตันพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่งทั้งด้านฐานะการเงินที่ดำรงสถานะเป็น Net Cash และแนวโน้มผลประกอบการในอนาคตที่มีBacklog รองรับแล้วถึงปี 2566 ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน PER ต่ำเพียง 6 เท่า และคาดหวังปันผลสูง 9% ต่อปี

ที่มา นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส 

ภาพประกอบ  บล.เอเซีย พลัส