ในช่วงที่บริษัทจดทะเบียนแจ้งผลประกอบการประจำปี ก็จะมีบริษัทจำนวนไม่น้อยที่ประกาศจ่ายปันผลเป็นเงินสด ซึ่งก็ถือว่าเป็นผลตอบแทนจากการลงทุนประเภทหนึ่งที่นักลงทุนคาดหวังจากการลงทุน แต่นอกเหนือจากการที่ได้รับเงินปันผลเป็นกระแสเงินสดเพื่อใช้จ่ายแล้วนั้น นักลงทุนยังสามารถนำเงินปันผลมาเพิ่มพลังผลตอบแทนได้ด้วย “การลงทุนทบต้น”
สรุปข่าว
การลงทุนทบต้นนั้นก็เป็นกลยุทธ์ในการสร้างพอร์ตการลงทุนให้เติบโตได้รวดเร็วขึ้นอีกวิธีหนึ่ง ซึ่งนักลงทุนหลายคนก็เลือกใช้วิธีนี้ในการเพิ่มพลังของมูลค่าการลงทุนได้ โดยการลงทุนทบต้นนั้นคือการที่เรานำเงินปันผลที่ได้รับจากหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง มาลงทุนในการซื้อหุ้นตัวนั้นเพิ่มนั่นเอง ซึ่งจะสามารถช่วยสร้างผลตอบแทนให้เพิ่มขึ้นได้อย่างมีนัยยะสำคัญ
ยกตัวอย่าง เช่น ถ้าเราลงทุนในหุ้น X ที่มีมูลค่าหุ้นละ 100 บาท จำนวน 10,000 หุ้น ก็จะคิดเป็นมูลค่าลงทุน 1 ล้านบาท เมื่อหุ้น X มีการจ่ายปันผลที่หุ้นละ 8 บาทหลังจากหักภาษี เราก็จะได้รับปันผลเป็นเงินสดจำนวน 80,000 บาท
โดยมีสมมติฐานว่า เราจะลงทุนหุ้น X ในระยะเวลา 10 ปี และหุ้น X จะมีมูลค่าเท่าเดิมจากปีที่ 1-10 ที่ราคาหุ้นละ 100 บาท และมีการจ่ายปันผลที่หุ้นละ 8 บาทหลังจากหักภาษีทุกปีเท่ากัน
ในกรณีแรก ถ้าหากเรานำเงินปันผลที่ได้จากหุ้น X นั้นมาเก็บไว้โดยไม่มีการนำไปลงทุนต่อ เมื่อครบ 10 ปี มูลค่าเงินลงทุนของเราก็จะเท่ากับ 1,800,000 บาท มาจากมูลค่าหุ้น X จำนวน 1,000,000 บาท และเงินปันผลสะสมตลอด 10 ปีรวม 800,000 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนรวมที่ 80% หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 8% ต่อปี
ในกรณีที่สอง หากเราเพิ่มพลังเงินลงทุนด้วยการลงทุนทบต้น คือการที่เรานำเงินปันผลที่ได้รับจากหุ้น X ทั้งหมด ไปลงทุนซื้อหุ้น X เพิ่มขึ้นทุกปี เช่นในปีแรกเราได้รับเงินปันผล 80,000 บาท ก็นำเงินปันผลนั้นไปซื้อหุ้น X เพิ่ม ก็จะได้หุ้น X เพิ่มอีก 800 หุ้น รวมเป็น 10,800 หุ้น และทำอย่างนี้ต่อเนื่องกันไปทุกปีจนครบ 10 ปี
มูลค่าเงินลงทุนของเราจะอยู่ที่ประมาณ 2,159,000 บาท มาจากมูลค่าหุ้น X ที่เราลงทุนครั้งแรก 1,000,000 บาท และผลตอบแทนจากเงินปันผล และปริมาณหุ้น X ที่เพิ่มขึ้น รวม 1,159,000 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบเแทนที่ 115.9% หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 11.59%
ถึงแม้ว่าการลงทุนในลักษณะทบต้นนั้นจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนทั่วไป แต่การลงทุนในลักษณะทบต้นนั้น ก็ไม่สามารถลงทุนได้กับหุ้นทุกตัว นักลงทุนจำเป็นที่จะต้องวิเคราะห์ว่าหุ้นตัวนั้นมีพื้นฐานธุรกิจที่ดี มีฐานะทางการเงินทีแข็งแกร่ง และมีโอกาสที่จะจ่ายปันผลในระดับที่เราต้องการได้อย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่เราลงทุน ซึ่งก็จะพบหุ้นลักษณะนี้ได้ในกลุ่มของหุ้นปันผลเท่านั้น
ที่มาข้อมูล : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย/สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
ที่มารูปภาพ : Canva