พล.อ.ประวิตร กับบทบาทใหม่ ฝ่ายค้านที่แท้จริงหรือแค่เกมการเมือง?

จากรัฐบาลสู่ฝ่ายค้าน การปรับตัวครั้งสำคัญ

การเปลี่ยนบทบาทครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับนักการเมืองที่เคยอยู่ในแวดวงอำนาจมายาวนาน แต่ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่เปลี่ยนไป "ลุงป้อม" จึงต้องปรับตัวรับบทบาทผู้นำฝ่ายค้านที่เตรียมตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้น

ข้อมูลจากการประชุมพรรคพลังประชารัฐเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2568 เผยว่า "ลุงป้อม" มีดำริจะเป็นผู้ร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยตัวเอง โดยจะใช้เวลา 2 ชั่วโมงที่ได้รับการจัดสรร เพื่อเปิดประเด็นที่อาจ "เขย่าเก้าอี้นายกฯ" ได้

4 ประเด็นร้อน อาวุธลับของฝ่ายค้าน

นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่าพรรคมีประเด็นอภิปรายไม่น้อยกว่า 4 ประเด็น ได้แก่:

• 1. กรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์
• 2. เอ็มโอยู 2544
• 3. กาสิโน
• 4. คดีชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ

ประเด็นเหล่านี้ถูกหยิบยกขึ้นมาในช่วงเวลาที่รัฐบาลกำลังเผชิญแรงกดดันจากหลายด้าน (ทั้งปัญหาเศรษฐกิจและความมั่นคง) ซึ่งอาจทำให้การอภิปรายครั้งนี้มีน้ำหนักมากกว่าที่คาด

ความมั่นใจของฝ่ายค้าน ถึงขั้นยุบสภา?

"มั่นใจว่าจะทำให้นายกรัฐมนตรีหวั่นไหวแน่" นายไพบูลย์แสดงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม และยังกล่าวถึงความเป็นไปได้ของการ "ยุบสภาในระยะเวลาอันสั้น" ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าข้อมูลที่ฝ่ายค้านถืออยู่อาจรุนแรงพอที่จะสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาล

พล.อ.ประวิตร เองก็แสดงความมั่นใจว่าหากมีการเลือกตั้งใหม่ พลังประชารัฐพร้อม และตั้งเป้าได้ ส.ส. ไม่น้อยกว่า 60 ที่นั่ง

มองอนาคตการเมืองไทย เกมรุกหรือเกมรับ?

การที่ "ลุงป้อม" ลุกขึ้นอภิปรายด้วยตัวเองสะท้อนให้เห็นว่านี่ไม่ใช่แค่การทำหน้าที่ฝ่ายค้านธรรมดา แต่เป็นการวางเดิมพันทางการเมืองครั้งสำคัญ ในขณะที่หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า บทบาทฝ่ายค้านของ พล.อ.ประวิตร จะมีความแตกต่างอย่างไรจากช่วงที่เคยอยู่ในรัฐบาล

การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จึงไม่เพียงเป็นการตรวจสอบรัฐบาล แต่ยังเป็นการทดสอบบทบาทใหม่ของ "ลุงป้อม" ว่าจะสามารถปรับตัวเป็นฝ่ายค้านที่มีประสิทธิภาพได้มากน้อยเพียงใด หรือเป็นเพียงเกมการเมืองระยะสั้นเพื่อกลับสู่อำนาจอีกครั้ง

ในขณะที่สังคมไทยจับตาว่า "ลุงป้อม" จะ "ดุเดือดขนาดไหน" ในการอภิปราย คำถามที่ใหญ่กว่านั้นคือ ประเทศไทยจะได้เห็นการตรวจสอบถ่วงดุลที่สร้างสรรค์ หรือเพียงแค่การชิงไหวชิงพริบทางการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของพรรคการเมืองเท่านั้น