
เช้าวันนี้ (6 มีนาคม) กรมราชทัณฑ์ออกแถลงการณ์ว่า พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ “ผู้กำกับโจ้” เสียชีวิตภายในห้องขังภายในเรือนจำคลองเปรม
ชื่อของ “ผู้กำกับโจ้” เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เมื่อเกิดเหตุการณ์ “คดีคลุมถุงดำ” ในเดือนสิงหาคม 2564 ซึ่งกลายเป็นข่าวดังระดับประเทศ และทำให้สื่อระดับโลกหันมารายงานคดีนี้ เพราะมองว่า นี่เป็นความรุนแรงจากเจ้าหน้าที่รัฐ ที่อาจจะไม่ใช่คดีสุดท้ายของประเทศไทย
เรามาย้อนดูสื่อนอกเคยกล่าวถึงคดี “ผู้กำกับโจ้” อย่างไร และทำไมถึงเทียบกรณีนี้ ว่าเป็น “จอร์จ ฟลอยด์” เวอร์ชันไทย ?
ย้อนคดี “คลุมถุงดำ” จุดเปลี่ยนชีวิตดาวจรัสแสงวงการตำรวจ
วันที่ 22 สิงหาคม 2564 สังคมไทยต้องตกตะลึง เมื่อมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นว่า “ผู้กำกับโจ้” และลูกน้องใช้ถุงดำคลุมศีรษะผู้ต้องหาคดียาเสพติดระหว่างสอบสวนในห้องสืบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตของผู้ต้องหา
เหตุการณ์นี้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในสังคมและจุดชนวนให้เกิดการสืบสวนโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำไปสู่การจับกุมและดำเนินคดี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ภายหลังจากการจับกุมและดำเนินคดี ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ลงโทษประหารชีวิต แต่มีการลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต เนื่องจากผู้กำกับโจ้รับสารภาพในชั้นศาล

สรุปข่าว
สื่อนอกรายงานข่าว ผกก.โจ้
สื่อระดับโลกเล่นข่าว ‘ผู้กำกับโจ้’ ทรมานและฆาตกรรมผู้ต้องสงสัยค้ายาเสพติด โดย Washington Post ชี้ว่า “ความรุนแรงและการคอร์รัปชันของตำรวจเป็นเรื่องปกติในประเทศไทย”
สำนักข่าว Washington Post, BBC และ Voice of America รวมถึงอีกหลายสำนักข่าวทั่วโลก รายงานเหตุการณ์ที่ ผู้กำกับโจ้ และลูกน้องอีกหลายคน ใช้ถุงคลุมหัวพ่อค้ายาเสพติดที่เซฟเฮาส์บริเวณหลังโรงพัก เพื่อพยายามรีดไถเงิน 2 ล้านบาทจากผู้ต้องสงสัย แต่กลับทำให้ขาดอากาศหายใจเสียชีวิต
ไม่ใช่ครั้งแรก และคงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย
ภายหลังคลิปวิดิโอที่แสดงความทารุณของผู้กำกับโจ้และพวก เผยแพร่ออกไป สังคมไทยวิพากษณ์วิจารณ์และโกรธเคืองอย่างมาก แม้ว่าตอนนี้ ตำรวจสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุ 5 คน ซึ่งเป็นตำรวจชั้นผู้น้อยได้แล้วก็ตาม
“ข้อกล่าวหาถึงความทารุณของตำรวจและการคอร์รัปชันของตำรวจในประเทศไทย ไม่ถือเป็นเรื่องแปล” Washington Post ระบุ
“แต่กรณีการทรมานและฆาตรกรรมครั้งนี้ มันน่าสะเทือนขวัญมาก” สุนัย ผาสุก นักวิจัยอาวุโส ฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าวกับ Washington Post
“และมันไม่ใช่ครั้งแรก และคงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย จนกว่าตำรวจจะสืบสวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง แบบหมดจดไร้ข้อกังขา”
ประชาชนตั้งคำถาม...ทำไมย้าย ไม่จับทันที
Washington Post ยังรายงานถึงความไม่พอใจของประชาชน ต่อมาตรการรับมือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของตำรวจ ณ ตอนนั้น ที่ตัดสินใจ ‘ย้าย’ ผู้กำกับโจ้ แทนที่จะดำเนินการทางกฎหมายในทันทีที่เกิดเหตุ เพราะมองว่า "เป็นการปกป้องพวกเดียวกัน"
นี่คือคำสั่งดังกล่าว
คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อนระบุว่า พ.ต.อ. ธิติสรรค์ ผกก. สภ.เมืองนครสวรรค์ อัตราเงินเดือน 43,330 บาท ถูกกล่าวหาว่า กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกสำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งกรรมการสอบสวนเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ในเรื่องที่ถูกร้องเรียนว่าได้ทำร้ายร่างกายโดยการทรมานนายจิระพงศ์ ธนะพัฒน์ ผู้ต้องหาคดียาเสพติดเพื่อเรียกเงินจำนวน 2 ล้านบาท จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต และถูก สภ. เมืองนครสวรรค์ ดำเนินคดีอาญาโดยกล่าวหาว่าร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
"...จึงให้ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล ออกจากราชการไว้ก่อนเพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัย ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป" ผบ.ตร. ระบุในคำสั่งลงวันที่ 24 สิงหาคม
ต่อมาในวันที่ 25 สิงหาคม ได้มีคำสั่งตามมาอีกหนึ่งฉบับให้ข้าราชการตำรวจอีกหกนายได้แก่ 1-6 ออกจากราชการไว้ก่อน
*ขอบคุณ BBC Thai สำหรับข้อมูล
“การคอร์รัปชันขนาดเล็ก การเก็บสินบนจากผู้ขับขี่ เพื่อไม่ต้องโดนใบสั่ง เป็นการกระทำปกติของตำรวจชั้นผู้น้อยที่เงินเดือนไม่มาก” Washington Post รายงานต่อ “ตำรวจไทยยังเลื่องลือในเรื่องการซ้อมผู้ต้องหา เพื่อให้สารภาพผิดด้วย”
แต่กรณีการคอร์รัปชันและการใช้อำนาจในทางมิชอบของตำรวจระดับสูง เกิดขึ้นไม่บ่อยหนัก โดยสุนัย ผาสุก จาก ฮิวแมนไรท์วอช ชี้ว่า การกระทำผิดของตำรวจไทยมักถูกละเลย และได้รับการปกป้องจากตำรวจด้วยกันเอง
เทียบ “จอร์จ ฟลอยด์” เสียชีวิตใต้เข่าตำรวจ
เหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้เกิดการเปรียบเทียบในโลกออนไลน์ถึงการฆาตรกรรมโดยตำรวจไทย กับกรณี “จอร์จ ฟลอยด์” ชายผิวดำที่ถูกตำรวจผิวขาวใช้เข่ากดคอระหว่างการจับกุมในสหรัฐฯ จนเขาขาดอากาศหายใจและเสียชีวิต และการใช้กำลังของตำรวจ ได้รับการบันทึกและเผยแพร่ โดยประชาชนที่เห็นเหตุการณ์ จุดกระแสความโกรธเกรี้ยวของสังคม คล้ายกรณี ผู้กำกับโจ้
กรณีการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ นำมาสู่การตั้งคำถาม และปลุกกระแส Black Lives Matter ให้กลับมา จนนำไปสู่การดำเนินคดีและลงโทษตำรวจผู้กระทำผิด ซึ่งไม่เกิดขึ้นบ่อยนักในสหรัฐฯ
ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทย ถึงกับเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ของตนเองในสังคมออนไลน์ เป็นภาพถุงดำคลุมศีรษะ เพื่อต่อต้านการทารุณของตำรวจและวิจารณ์ถึงการใช้อำนาจที่ไร้การตรวจสอบของตำรวจไทย
แอปเปิลเน่า ?
“วัฒนธรรมความรุนแรงและการทารุณภายในวงการตำรวจไทย หยั่งรากลึกมานาน” ประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวกับ Voice of America
“กรณีที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่แค่เรื่อง แอปเปิลเน่า ที่โยนทิ้งไปก็แก้ปัญหาได้ แต่มันคือการได้มาซึ่งอำนาจ และวัฒนธรรมการพ้นผิดของตำรวจ มันเป็นเรื่องที่มากกว่าการที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์เสียอีก“
ไม่ใช่ครั้งแรก แต่เป็นครั้งแรกที่บันทึกภาพได้ ?
Voice of America รายงานอ้างอิงบทสัมภาษณ์กับตำรวจในกรุงเทพฯ คนหนึ่งที่ไม่ประสงค์ออกนามว่า เขาเองก็อยากให้สังคมตั้งคำถามในเรื่องนี้ แต่ก็เตือนว่า “นี่ไม่ใช่การเสียชีวิตระหว่างการจับกุมรายแรก แต่มันเป็นเพียงแค่การเสียชีวิตแรกที่บันทึกวิดีโอได้เท่านั้น”
การจะปฏิรูปตำรวจอย่างแท้จริง ยังต้องมาจากเบื้องบน ตามลำดับชั้นยศ เพราะตำรวจชั้นผู้น้อยเอง แม้จะอยากเห็นความเปลี่ยนแปลง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก และพวกเขาก็ต้องหาเลี้ยงครอบครัว
ท้ายสุด เขาระบุว่า “ตำรวจบางคนเมื่อได้มาซึ่งอำนาจ และอำนาจมันช่างหอมหวาน แต่ข่าวอื้อฉาวนี้ อาจเปลี่ยนแปลงองค์กรตำรวจไทยได้”
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
https://www.washingtonpost.com/.../c8b9c0e4-0599-11ec...
https://www.voanews.com/.../thai-drug-suspects-death...
ที่มาข้อมูล : Washington Post, VOA, BBC
ที่มารูปภาพ : Thai News Pix handout via AFP

ทศพล ชัยสัมฤทธิ์ผล