
จำได้ไหม ในช่วงวัยเด็ก เราเรียนอะไรในโรงเรียนบ้าง ? อาจเป็นวิธีการอ่านออก เขียนภาษาไทย หรือท่องจำศัพท์ภาษาอังกฤษ แต่เด็กๆ ในประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่างลาว นอกจากต้องเรียนหนังสือแล้ว ตั้งแต่เด็ก พวกเขาต้องเรียนรู้เกี่ยวกับกับระเบิด หน้าตาของมัน ไปถึงวิธีป้องกัน หรือหลีกเลี่ยงหากเจอกับระเบิด
เหตุผลที่เด็กๆ ต้องเรียนรู้เรื่องระเบิดนั้นก็เป็นเพราะลาวนั้น เป็นประเทศที่ถูกทิ้งระเบิดมากที่สุดในโลก และในปัจจุบัน ก็ยังมีกับระเบิดที่ยังไม่ทำงานเหล่านั้น หลงเหลืออยู่ทั่วประเทศ ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ ยังมีประชาชนที่โดนลูกหลงจากระเบิดเหล่านี้ จนบาดเจ็บ จนถึงพิการด้วย แต่ล่าสุดสหรัฐฯ ผู้เป็นประเทศที่ทิ้งระเบิด กับตัดงบช่วยเหลือ ที่กระทบไปถึงโครงการเก็บกู้ระเบิดในลาวด้วย ซึ่งนั่นอาจทำให้แผนการต่างๆ ล่าช้าไปอีก
สปป.ลาว ประเทศที่ถูกทิ้งระเบิดหนักที่สุดในโลก
สปป.ลาวเป็นประเทศที่ถูกทิ้งระเบิดหนักที่สุดในโลกเมื่อเทียบเป็นจำนวนประชากร และจนถึงทุกวันนี้ ยังมีระเบิดที่หลงเหลือจากการถูกทิ้งอยู่ โดยกับระเบิด หรือสรรพาวุธระเบิดที่ยังไม่ระเบิดเหล่านี้ เรียกว่า UXO ที่ย่อมาจาก (unexploded ordnance)
ระเบิดเหล่านี้ มาอยู่ในประเทศลาวจากช่วงสงครามอินโดจีน ที่ตั้งแต่ปี 1964 ถึงปี 1973 สหรัฐฯ ได้ทิ้งระเบิดกว่า 2 ล้านตันเหนือสปป.ลาวในภารกิจทิ้งระเบิด 580,000 ครั้ง
ซึ่งเทียบเท่ากับเครื่องบิน 1 ลำที่บรรทุกระเบิดทุก ๆ 8 นาที ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 9 ปี
ทำให้ระเบิดลูกปรายอย่างน้อย 270 ล้านลูกถูกทิ้งลงในผืนดินประเทศลาว เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการทิ้งระเบิดครั้งนี้
แต่ระเบิดเหล่านี้ประมาณ 80 ล้านลูก หรือ 10-30% ยังไม่มีการระเบิด และยังคงหลงเหลืออยู่บนพื้นดินทั่วประเทศลาว มีหมู่บ้านประมาณ 25% หรือมากกว่าหมื่นแห่งยังมีระเบิดเหล่านี้ โดยพื้นที่ที่พบวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิดมากที่สุดในลาว ได้แก่ใน 9 จังหวัดอย่างอัตตะปือ จำปาสัก หัวพัน คำม่วน หลวงพระบาง สาละวัน สะหวันนะเขต เซกอง และเชียงขวาง
ในช่วงสงคราม มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตกว่า 30,000 ราย โดย 20% เป็นเด็ก ขณะที่ภายหลังจากความขัดแย้งจบลง ยังมีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บอีกกว่า 20,000 คนจาก UXO โดย
40% เป็นเด็ก เห็นได้ว่าจำนวนเด็กที่เป็นเหยื่อนี้สูงขึ้นเท่าตัว ซึ่งเด็กๆ เหล่านี้มักไปเจอ หรือไปเล่นกับกับระเบิดเหล่านี้ อย่างไม่ตั้งใจ

สรุปข่าว
ภารกิจเก็บกู้ และช่วยเหลือเหยื่อระเบิดที่ยังดำเนินอยู่ถึงทุกวันนี้
เพราะยังมีระเบิดหลงเหลืออยู่ ทุกวันนี้ลาวจึงยังมีโครงการเก็บกู้ระเบิดเหล่านี้อยู่ โดยหนึ่งในนั้นคือ
โครงการวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิดแห่งชาติลาว (UXO Lao) ก่อตั้งขึ้นในปี 1996 เป็นองค์กรหลักที่ทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิด องค์กรที่ให้ความรู้แก่ประชาชน และยังมีองค์กรหลายแห่งที่ทำหน้าที่เดียวกัน ไปถึงองค์กรที่ดูแลผู้บาดเจ็บทางด้านร่างกาย และด้านจิตใจด้วย
TNN Online ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ COPE VISITOR CENTRE ที่เวียงจันทร์ สปป.ลาว ศูนย์ซึ่งให้การช่วยเหลือผู้ที่มีความพิการทางการเคลื่อนไหวให้สามารถก้าวต่อไปได้โดยการสนับสนุนการเข้าถึงบริการฟื้นฟูสมรรถภาพทางกาย ซึ่งรวมถึงการให้ขาเทียม และฝึกให้ใช้งานเพื่อเข้าสังคมได้
โดยเจ้าหน้าที่เล่าว่า ปัจจุบัน เคสผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุระเบิดลดลง แต่ระเบิดที่ยังไม่ทำงานนั้น ยังคงมีอยู่มาก “ปัจจุบัน เด็กๆ ได้เรียนรู้เรื่องระเบิดมากขึ้น เพราะมีหลักสูตรตามโรงเรียน และเด็กๆ ก็ไม่เล่นระเบิดแล้ว ถ้ามีอุบัติเหตุส่วนใหญ่จะมาจากกิจกรรมอย่างการทำไร่ ทำสวนที่เกิดโดยไม่ได้ตั้งใจ และมีเด็กๆ ที่เป็นเหยื่อบ้าง จากการไปช่วยพ่อแม่”
“ปีที่ผ่านมา ผู้บาดเจ็บจากระเบิดลดลงเหลือ 48 เคส จากปกติอยู่ที่ 300 เคสต่อปี และก่อนหน้านี้
ในช่วงที่ยังไม่มีการเก็บข้อมูล มีตัวเลขเยอะกว่านี้มาก” ซึ่งข้อมูลนี้ก็สอดคล้องกับขององค์กร UXO Lao ที่ชี้ว่า จำนวนผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บลดลงกว่า 86% ระหว่างปี 2008 ถึง 2015
โดยในปัจจุบัน COPE มีศูนย์ช่วยเหลือ 6 แห่งทั่ว สปป.ลาว ได้แก่ เชียงขวง หลวงพระบาง จำปาสัก สะหวันนะเขต เวียงจันทร์ และล่าสุดที่อุดมไซ ซึ่งกำลังจะเปิดตัวให้บริการ หากประชาชนผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุระเบิด อาศัยอยู่ที่ไหน หรือใกล้ศูนย์ไหน ก็สามารถเข้ารับบริการได้
“ที่นี่เรามีขาเทียม และแขนเทียมให้ฟรี ช่วยซัพพอร์ตทางด้านร่างกาย ให้ปรับตัวใช้ขาเทียม และเข้ากับสังคมได้ ส่วนเรื่องของการฟื้นฟู หรือดูแลจิตใจจะเป็นอีกหน่วยงานหนึ่ง”
“ปกติมีคนไข้เข้าออกทุกๆ วัน ระยะเวลาที่รักษา ก็แล้วแต่เคสว่าเจ็บเล็ก หรือน้อย ถ้าทำขาเทียมตั้งแต่ หัวเข่าลงไปก็ไม่นาน ถ้าอุบัติเหตุทั้งขาเลย และต้องทำขาเทียมยาวก็จะฝึกนานกว่านั้น แล้วก็มีเคสคนที่อยู่บ้านนอกที่ยากต่อการเข้าถึงบริการ เราก็มีการฝึกให้ได้ฝึกทำขาเทียมเองด้วย”
แต่แม้ว่าจำนวนผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุระเบิดจะน้อยลง แต่ทางศูนย์ก็ช่วยเหลือผู้พิการจากอุบัติเหตุอื่นๆ ด้วย
นอกจากการทำงานกับผู้ประสบเหตุระเบิดที่ดูว่าสถานการณ์ดีขึ้น เพราะผู้บาดเจ็บน้อยลง ทำให้เราตั้งคำถามกับเจ้าหน้าที่ว่า คิดว่าภารกิจการเก็บกู้ระเบิดทั้งหมดในลาว จะสิ้นสุดเมื่อใด
ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ตอบกับเราว่า เขาคิดว่าเป็นไปได้ยาก และไม่แน่ใจเลยด้วยว่า จะสามารถเก็บกู้ระเบิดทั้งหมดได้จริงๆ หรือไม่ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญในสหรัฐฯ ก็มองว่าอาจต้องใช้เวลาถึง 100 ปี ในการเก็บกู้ระเบิดดังกล่าว
ข้อมูลจากวันทุ่นระเบิดสากลในปี 2024 เปิดเผยว่า ลาวเก็บกู้ UXO จากที่ดินไปแล้ว 87,323 เฮกตาร์ (ราว 545,768 ไร่) เป็นจำนวนมากกว่า 1.9 ล้านลูก ระหว่างปี 1996 จนถึงเดือนมีนาคม 2024 ขณะที่
ข้อมูลการเก็บระเบิดของศูนย์ UXO Lao ชี้ว่าทางศูนย์ได้มีการเก็บระเบิดไปแล้วกว่า 395,000 ชิ้น
แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าหน้าที่ศูนย์ COPE ก็บอกกับเราว่า ปัจจุบันลาวมี 6 หน่วยงานที่เก็บกู้ระเบิด และไม่ได้มีการรวบรวมข้อมูลตัวกลางมากนัก “เมื่อกลางปีที่แล้ว เพิ่งมีการประชุมทุกหน่วย และเอาข้อมูลมารวมกัน ตอนนี้กำลังทำข้อมูลกลางอยู่ คาดว่าจะเป็นข้อมูลออกมาได้ในเร็วๆ นี้”
เมื่อการตัดงบของ USAID จะกระทบต่อแผนการเก็บกู้ระเบิดในลาวด้วย
แต่แม้ว่าสถานการณ์ต่างๆ ทั้งการเก็บกู้ระเบิด ให้ความรู้เด็ก และประชาชน รวมถึงจำนวนผู้บาดเจ็บที่น้อยลง ทำให้สถานการณ์ของระเบิด UXO ในลาวจะเป็นไปในทางที่ดีขึ้น แต่จากการตัดงบ USAID ในโครงการช่วยเหลือต่างๆ ของโดนัล ทรัมป์ ปธน.สหรัฐฯ คนล่าสุด อาจกลับทำให้สถานการณ์ต่างๆ แย่ลงไปอีก
สหรัฐฯ ประเทศต้นทางในการปล่อยระเบิด ได้ให้ความช่วยเหลือในการกู้ระเบิด และโครงการอื่นๆ ผ่านการสนับสนุนขององค์กรระหว่างประเทศ และให้ทุนสนับสนุนหลายทาง
ในการแสดงเกี่ยวกับระเบิด UXO ที่ศูนย์ COPE VISITOR CENTRE ได้มีการแปะป้ายแผนการร่วมงานในอนาคตกับ USAID ระหว่างปี 2024-2028 ว่าสหรัฐฯ จะช่วยกู้กับระเบิด และมีการทำ MoU ฉบับใหม่ร่วมกัน โดยจะให้เงิน 23 ล้านดอลลาร์สหรัฐณ เพื่อเคลียร์ UXO ใน 4 จังหวัดภาคใต้ของลาวผ่าน NPA จนถึงปี 2026 และมากกว่า 300,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย จาก UXO จนถึงปี 2028 ด้วย
ขณะที่ในวันที่ 20 มกราคม ที่ผ่านมา วันที่ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ในเว็บไซต์ของรัฐบาลสหรัฐฯ เองก็ได้มีการประกาศโครงการทำลายอาวุธใน สปป.ลาว ซึ่ชี้ว่า ที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 1995 สหรัฐฯ ได้ลงทุนมากกว่า 391 ล้านดอลลาร์ในลาวเพื่อจัดการกับมรดกของสงครามอินโดจีน ทั้งการสำรวจ กำจัดระเบิดที่ยังไม่ระเบิด ศึกษาความเสี่ยง ช่วยเหลือเหยื่อ และผู้รอดชีวิต ซึ่งที่ผ่านมาความช่วยเหลือของสหรัฐฯ นั้นได้ประสบความสำเร็จหลายด้าน
แต่ถึงอย่างนั้น หลังทรัมป์เข้ารับตำแหน่งไม่นาน กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศว่าได้ระงับโครงการกำจัดทุ่นระเบิดทั่วโลกเป็นเวลาอย่างน้อย 3 เดือน ซึ่งเป็นไปตามที่รัฐบาลทรัมป์ประกาศระงับความช่วยเหลือโครงการต่างประเทศ และผู้เชี่ยวชาญบางคนเตือนว่าอาจเกิดผลร้ายแรง โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีทุ่นระเบิด ระเบิดลูกปราย และระเบิดที่ยังไม่ระเบิดอื่นๆ อย่างในอาเซียนก็คือ เวียดนาม ลาว และกัมพูชา
เมื่อสอบถามเจ้าหน้าของของ COPE ถึงการตัดงบช่วยเหลือ USAID ของทรัมป์ เจ้าหน้าที่ก็ได้บอกว่า มีผลกระทบกับทางศูนย์แน่นอน แต่อยู่ในระหว่างการรอการสรุปว่าจะได้รับผลกระทบอย่างไร แต่ทั้งนี้ศูนย์ COPE เองยังมีทุนจากประเทศอื่นๆ นอกจากสหรัฐฯ เข้ามา และขอเลี่ยงการพูดถึงประเด็นนโยบายการตัดงบในครั้งนี้
สำนักข่าว The Laotian times พูดคุยกับพนักงาน USAID ในลาว หลังการประกาศนโยบายของสหรัฐฯ พบว่าเจ้าหน้าที่ได้รับคำสั่งไม่ให้เปิดเผยข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับสถานะปัจจุบันขององค์กรในประเทศ “สิ่งเดียวที่ฉันบอกได้คือโครงการ USAID ทั้งหมดในลาวถูกระงับไว้ เรากำลังรอคำตอบจาก USAID ลาวว่าเราต้องหยุดหรือดำเนินโครงการต่อไปหรือไม่” พนักงานกล่าวกับสื่อในลาว
ซึ่งเราคงต้องติดตามว่า สหรัฐฯ จะยุติการช่วยเหลือการกู้ระเบิด และเยียวยาเหยื่อจากอุบัติเหตุระเบิดจริงๆ หรือไม่ แม้ว่าระเบิดเหล่านี้ จะเป็นมรดกจากสงคราม ที่มาจากสหรัฐฯ เองที่เป็นผู้ทิ้งไว้จำนวนมาก
ที่มารูปภาพ : TNN Online

กรุณพร เชษฐพยัคฆ์