"ให้เลือด = ให้ชีวิต" ไฟไหม้คลังเลือดรามาฯ บอกอะไรกับเรา?

"ให้เลือด = ให้ชีวิต"  ไฟไหม้คลังเลือดรามาฯ บอกอะไรกับเรา?

เมื่อไม่นานมานี้ เกิดเหตุไฟไหม้ภายในโรงพยาบาลรามาธิบดี อาคารหลักที่รวมแผนกสำคัญไว้มากมาย หนึ่งในผลกระทบที่หนักหนาที่สุดคือ การสูญเสียเลือดสำรองเกือบทั้งหมด ในคลังหลักของโรงพยาบาล (กว่า 100 ยูนิตต้องถูกทิ้งไป) นี่ไม่ใช่แค่ข่าวไฟไหม้ธรรมดา แต่มันสะท้อนถึง ปัญหาการขาดแคลนเลือดสำรองของประเทศไทย ได้เป็นอย่างดี


"ให้เลือด = ให้ชีวิต"  ไฟไหม้คลังเลือดรามาฯ บอกอะไรกับเรา?

สรุปข่าว

โรงพยาบาลรามาธิบดีประสบเหตุไฟไหม้ในอาคารหลัก ส่งผลให้เลือดสำรองกว่า 100 ยูนิตเสียหาย โรงพยาบาลเร่งรณรงค์รับบริจาคเลือดเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่ต้องการเลือดในการผ่าตัด พร้อมเน้นย้ำความสำคัญของการบริจาคเลือดอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีเลือดสำรองเพียงพอในทุกสถานการณ์

"เลือด" ทรัพยากรที่ไม่มีโรงงานผลิต

เลือดเป็นสิ่งที่ไม่มีสิ่งใดมาทดแทนได้ - มันต้องมาจากการบริจาคเท่านั้น ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ไฟไหม้ อุบัติเหตุรุนแรง หรือแม้แต่โรคระบาด ความต้องการเลือดก็จะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งปัญหาใหญ่ก็คือ ปริมาณเลือดที่ได้รับบริจาคในแต่ละวันมักจะไม่เพียงพอต่อความต้องการ

ปกติแล้ว โรงพยาบาลขนาดใหญ่ต้องใช้เลือดจำนวนมากทุกวัน โดยเฉพาะในกรณีการผ่าตัดหัวใจ ปลูกถ่ายตับ หรือผู้ป่วยที่ต้องการเลือดเร่งด่วน เช่น ผู้ป่วยโรคเลือดและเหยื่ออุบัติเหตุ ซึ่งบางครั้งเลือดที่มีอยู่ไม่พอใช้ การเสียเลือด 100 ยูนิตจากเหตุไฟไหม้ครั้งนี้จึงถือเป็นวิกฤตที่ไม่ควรมองข้าม


บทบาทของโรงพยาบาลกับการจัดการคลังเลือด

แม้ว่าหลังเกิดเหตุ โรงพยาบาลจะเร่งประชาสัมพันธ์ขอรับบริจาคเลือดอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ควรชื่นชมคือ ความสามารถในการบริหารจัดการภาวะฉุกเฉิน โรงพยาบาลรามาธิบดีสามารถรับมือกับเหตุการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการสื่อสารถึงประชาชนเพื่อกระตุ้นให้เกิดการบริจาคโลหิตอย่างเร่งด่วน ซึ่งช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายได้ในระดับหนึ่ง

ในภาพรวม โรงพยาบาลหลายแห่งทั่วประเทศต้องเผชิญกับปัญหาความไม่แน่นอนของปริมาณเลือดสำรองอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาว หรือช่วงที่มีโรคระบาดอย่างโควิด-19 ที่ทำให้จำนวนผู้บริจาคลดลงอย่างมาก การรณรงค์ให้ประชาชนบริจาคเลือดจึงเป็นสิ่งที่ต้องทำต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงในช่วงวิกฤตเท่านั้น

"ถ้าไม่มีใครบริจาค... แล้วใครจะได้เลือด?"

หลายคนอาจคิดว่า "เดี๋ยวคงมีคนไปบริจาคเอง" แต่ความจริงคือ เลือดไม่เคยพอ และทุกหยดล้วนมีความหมาย ลองคิดดูว่า ถ้าทุกคนคิดแบบเดียวกัน สุดท้ายจะไม่มีใครบริจาคเลย

เราต้องเปลี่ยนมุมมองว่า การบริจาคเลือดไม่ใช่แค่เรื่องของคนอื่น แต่มันเกี่ยวกับตัวเราเองและคนรอบตัว ไม่มีใครรู้ว่า วันหนึ่งเราอาจเป็นคนที่ต้องการเลือดนั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นจากอุบัติเหตุ โรคร้าย หรือภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ หากเราทุกคนช่วยกันบริจาคอย่างสม่ำเสมอ ระบบสาธารณสุขก็จะสามารถรองรับสถานการณ์วิกฤตได้ดีกว่าเดิม

เราจะช่วยกันได้อย่างไร?

ง่ายๆ เลย เริ่มจากตัวคุณเอง ถ้าคุณมีสุขภาพแข็งแรง และไม่มีข้อจำกัดในการบริจาคโลหิต ลองแบ่งเวลาสัก 30-45 นาที ไปบริจาคเลือดที่โรงพยาบาลหรือสภากาชาดไทย (ใช้เวลาไม่นาน แต่ช่วยชีวิตได้มาก)

สำหรับใครที่ไม่สามารถบริจาคได้ ก็สามารถช่วยประชาสัมพันธ์ แชร์ข่าวสาร หรือชวนเพื่อนและครอบครัวมาบริจาคแทนคุณก็ยังได้ (ทุกการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ล้วนมีผล)

"เลือดที่คุณให้ อาจเป็นโอกาสรอดของใครบางคน"

อย่ารอให้เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินก่อนแล้วค่อยตระหนักถึงความสำคัญของการบริจาคโลหิต ลองคิดดูว่า ถ้าคุณสามารถช่วยชีวิตใครสักคนได้ ด้วยสิ่งที่ร่างกายคุณผลิตขึ้นมาเองอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ทำ?

มาเริ่มต้นวันนี้... ให้เลือด = ให้ชีวิต ❤️

ที่มาข้อมูล : TNN

ที่มารูปภาพ : Freepik

avatar

Yosakrei Rat.
(yosakrei_rat)