
หมอผี ทรงเจ้า โบสถ์คริสต์ วัดพุธ เกาหลีใต้ยังคงเป็นประเทศหนึ่งที่มีความหลากหลายทางความเชื่อ และศาสนา
แต่ถึงอย่างนั้นคนที่นับถือศาสนาในเกาหลีใต้ ลดลงเรื่อยๆ แต่กลุ่มคนที่มีความเชื่อทางจิตวิญญาณในรูปแบบใหม่ก็เริ่มเติบโตขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “จิตวิญญาณแต่ไม่ใช่ศาสนา” หรือ SBNR (Spiritual but Not Religious) ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในเกาหลีใต้

สรุปข่าว
ความเชื่อที่หลากหลายในเกาหลีใต้
เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางศาสนา ซึ่งประชากรส่วนใหญ่ยังคงปฏิบัติตามศาสนาหลักต่าง ๆ เช่น ศาสนาคริสต์ พุทธศาสนา ขงจื๊อ และลัทธิชามานิสต์ หรือร่างทรง แม้ว่าศาสนาทั้งหมดนี้จะยังคงมีบทบาทในชีวิตของผู้คน แต่หลายคนไม่ยึดถือศาสนาในรูปแบบที่เป็นทางการ โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แนวโน้มการลดลงของผู้ที่ระบุว่าตนเองมีศรัทธาในศาสนาอย่างเป็นทางการได้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
การสำรวจโดย Gallup Korea ในปี 2021 แสดงให้เห็นว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของชาวเกาหลีใต้ระบุว่าตนเองไม่มีความเชื่อทางศาสนา ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 50 เปอร์เซ็นต์ในปี 2014 และ 47 เปอร์เซ็นต์ในปี 2004 แม้การเปลี่ยนแปลงนี้จะบ่งชี้ถึงการลดลงของศรัทธาทางศาสนา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าความเชื่อทางจิตวิญญาณหายไป เพราะผู้คนได้แสวงหาความสงบทางใจในรูปแบบใหม่แทน
การเปลี่ยนแปลงทางจิตวิญญาณ: การแสวงหาความหมายส่วนบุคคล
การลดลงของศรัทธาในศาสนาในเกาหลีใต้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในวิธีที่ผู้คนมองหาความสงบและความหมายในชีวิต พวกเขาเริ่มแสวงหาประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวและตรงกับความต้องการของตนเองมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมกับศาสนาในรูปแบบที่ถูกกำหนดโดยสถาบันต่าง ๆ
บรายอัน ซอเมอร์ส ศาสตราจารย์ด้านศึกษาพุทธศาสนาแห่งมหาวิทยาลัยดงกุกบอกว่า บางคนเรียกปรากฎการณ์นี้ว่า การนับถือศาสนาที่ลดลง แต่เขามองว่าเป็น ‘การกลับสู่ศาสนาใหม่‘ “ชาวเกาหลีไม่ได้ทิ้งการปฏิบัติทางจิตวิญญาณ พวกเขากำลังแค่ห่างไกลจากศีลธรรม ระบบการปกครอง และสถาบันดั้งเดิม” แนวโน้มนี้เห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนคนที่ระบุว่าตนเองเป็น SBNR ซึ่งเป็นแนวโน้มทั่วโลกที่หลายคนแสวงหาการปฏิบัติตามจิตวิญญาณโดยไม่ผูกพันกับศาสนาใด ๆ อย่างเป็นทางการ
พุทธศาสนาและการปรับตัวในยุคใหม่
หนึ่งในศาสนาที่สามารถปรับตัวได้ดีกับการเปลี่ยนแปลงนี้คือพุทธศาสนา ศาสนาพุทธในเกาหลีใต้ถือเป็นศาสนาลำดับที่สองที่ใหญ่ที่สุด และมีความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในหมู่ผู้ที่มองหาวิธีการทางจิตวิญญาณที่ยืดหยุ่นและไม่ผูกมัดกับระบบความเชื่อที่เข้มงวด
พุทธศาสนาในสายเซ็น (Seon) เน้นการตระหนักรู้ส่วนบุคคลและการฝึกสติ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของผู้คนในยุคปัจจุบันที่แสวงหาการค้นพบตัวเองมากกว่าการปฏิบัติตามหลักคำสอนที่เคร่งครัด ศาสตราจารย์ซอเมอร์สกล่าวว่า “พุทธศาสนา โดยเฉพาะในสายเซ็น ให้ความสำคัญกับการตระหนักรู้ส่วนตัวเหนือระบบความเชื่อที่เข้มงวด” ซึ่งการปฏิบัติตามการฝึกสติและการทำสมาธิก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในกลุ่ม SBNR
การปรับตัวของพุทธศาสนาในเกาหลีใต้สามารถเห็นได้จากการที่มีการนำโปรแกรมการฝึกสมาธิและการสอนเรื่องสติในมหาวิทยาลัย หรือบริษัท ซึ่งทำให้ผู้คนจากทุกสาขาอาชีพสามารถเข้าถึงและฝึกฝนได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่มีความเครียดสูง
อีกหนึ่งสัญญาณที่ชัดเจนของแนวโน้ม SBNR ในเกาหลีใต้คือการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ที่เข้าร่วมโปรแกรม Temple stay ซึ่งเดิมทีเป็นโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อแนะนำผู้เข้าพักได้เห็น และรู้จักชีวิตของพระสงฆ์พุทธ แต่ในปัจจุบันโปรแกรมเหล่านี้ได้พัฒนาไปเป็นการพักผ่อนที่ดึงดูดผู้คนจากทุกภาคส่วนในสังคม
ในปี 2024 มีผู้เข้าร่วมโปรแกรม Temple stay เกือบ 620,000 คน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุด นอกจากนี้ยังมีผู้เข้าร่วมที่มาหลายเหตุผล เช่น การคชายความเครียด การสะท้อนตัวเอง หรือการพักจากชีวิตประจำวัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการทางจิตวิญญาณที่ยังคงมีอยู่ แม้จะไม่ได้ผูกมัดกับศาสนาใด ๆ อย่างเป็นทางการ
ศาสนาคริสต์ กับผลกระทบด้านลบ
ในขณะที่พุทธศาสนาปรับตัวได้ดีกับการเปลี่ยนแปลงนี้ ศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มโปรเตสแตนต์ กลับได้รับความนิยมลดลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การสำรวจความคิดเห็นทางศาสนาของ Hankook Research ในปี 2024 พบว่า ศาสนาคริสต์โปรเตสแตนต์ได้รับคะแนนต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับพุทธศาสนาและคาทอลิก
สาเหตุหลักมาจากปัญหาหลายอย่าง เช่น การเผยแพร่ศาสนาอย่างก้าวร้าว ความกังวลเกี่ยวกับการทุจริต และการเลือกปฏิบัติในบางกรณี นอกจากนี้ยังมีความขัดแย้งทางการเมืองในกลุ่มผู้นำศาสนาคริสต์ ที่ทำให้ภาพลักษณ์ของศาสนาคริสต์ในเกาหลีใต้ถูกตั้งคำถาม เช่นการออกตัวในนามคริสตจักรสนับสนุนอดีต ปธน.ยุน ซอกยอล ที่มีประเด็นทางการเมืองอยู่อย่างโจ่งแจ้ง เป็นต้น
อนาคตของจิตวิญญาณในเกาหลีใต้: แนวโน้มใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น
จากการที่ศาสนาในรูปแบบสถาบันลดลง แนวโน้มในอนาคตของคนที่หาที่ยึดเหนี่ยวด้านจิตวิญญาณในเกาหลีใต้ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป มาแสวงหาความสงบและความหมายส่วนบุคคลมากขึ้น ศาสตราจารย์ชุง แจ-ยอง แห่งมหาวิทยาลัยในอีชอนกล่าวว่า “เกาหลีมีวิธีการทางศาสนาที่ผสมผสานอยู่เสมอ — ผู้คนผสมผสานความเชื่อเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของตนเอง”
การเปลี่ยนแปลงในลักษณะนี้นำไปสู่การเกิดขึ้นของชุมชนทางจิตวิญญาณใหม่ ๆ ที่ทำงานนอกกรอบของศาสนาประเพณี ซึ่งอาจรวมถึงกลุ่มสมาธิขนาดเล็ก เครือข่ายจิตวิญญาณออนไลน์ หรือแม้แต่การปฏิบัติแบบไฮบริดที่ผสมผสานพุทธศาสนา ชามานิสต์ และจิตวิทยา
ได้ศึกษาเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของผู้ที่เป็น SBNR ในเกาหลี โดยการศึกษาของเขาในปี 2024 ที่ทำกับผู้ที่ไม่เชื่อในศาสนา 1,000 คนพบว่า แม้ว่าชาวเกาหลีจะปฏิเสธศาสนาแบบสถาบัน แต่หลายคนยังคงมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางจิตวิญญาณ
"ข้อมูลของเราชี้ให้เห็นว่า 24 เปอร์เซ็นต์ของชาวเกาหลีที่ไม่เชื่อในศาสนายังคงมองว่าตนเองเป็นผู้มีจิตวิญญาณ" เขากล่าว "บางคนยังคงฝึกสมาธิหรือสวดมนต์ส่วนตัว ในขณะที่บางคนสำรวจทางเลือกทางจิตวิญญาณอื่น ๆ รวมถึงการปฏิบัติชามานิสต์และการทำนายโชคชะตา ความแตกต่างสำคัญคือ การปฏิบัติเหล่านี้ในปัจจุบันถูกมองว่าเป็นทางเลือกส่วนบุคคลมากกว่าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับอัตลักษณ์ทางศาสนา"
เทรนด์เดียวกัน ? เมื่อคนไม่นับถือศาสนาในไทยเพิ่มขึ้นทุกปี
ในประเทศไทย ข้อมูลจากการวิจัยพบว่า คนไทยเริ่มมีแนวโน้มที่จะระบุว่าไม่มีศาสนาเพิ่มขึ้น แม้ข้อมูลจากสำนักสถิติแห่งชาติ ปี 2557 จะระบุว่า
ประชากรของประเทศไทยส่วนใหญ่ เป็นผู้ที่ นับถือศาสนาพุทธ (ร้อยละ 94.6) รองลงมานับถือ ศาสนาอิสลาม (ร้อยละ 4.2) และศาสนาคริสต์ (ร้อยละ 1.1) ที่เหลือเป็นผู้ที่นับถือศาสนาอื่น ๆ รวมทั้งผู้ที่ไม่มีศาสนา เพียงแค่ร้อยละ 0.1 เท่านั้น แต่เชื่อว่า ปัจจุบัน คนกลุ่มนี้ มีจำนวนสูงขึ้น
ในด้านของประเทศไทย ในด้านของประเทศไทย ในปี 2567 ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ รองศาสตราจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ และผู้อำนวยการหลักสูตรปริญญาโทรัฐศาสตรมหาบัณฑิต คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์งานวิจัยว่า คนไทยโดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ นิยามว่าตัวเองไม่มีศาสนามากขึ้น โดยจากการตอบแบบสอบถาม
คนไทยทั้งประเทศ (18 ปีขึ้นไป: 4,559 คน) ระบุว่า ไม่มีศาสนา ร้อยละ 2.0
Gen Z ทั้งประเทศ (อายุ 18-26 ปี: 1,047 คน) ระบุว่า ไม่มีศาสนา ร้อยละ 5.50
Gen Z มัธยมปลาย (อายุ 15-19 ปี: กรุงเทพและปริมณฑล: 503 คน) ระบุว่า ไม่มีศาสนา ร้อยละ 6.60
Gen Z มหาวิทยาลัย (อายุ 18-26 ปี: 490 คน) ระบุว่า ไม่มีศาสนา ร้อยละ 9.0
ขณะเดียวกัน ธุรกิจอย่างการดูหมอดู ทำนายดวงชะตา ไปถึงการมูเตลูในไทยนั้น ยังคงเป็นที่นิยมอย่างมากอยู่ จึงน่าสนใจว่สกระแส SBNR อาจเกิดขึ้นในอนาคตกับไทยก็เป็นได้
ที่มารูปภาพ : Freepik

กรุณพร เชษฐพยัคฆ์