
หลังจากที่คณะกรรมาธิการการทหาร ได้ขอข้อมูลอัตรานายพล แต่ได้รับหนังสือตอบกลับจากกระทรวงกลาโหมระบุว่า
จำนวนอัตราผลของกระทรวงกลาโหม เป็นข้อมูลกำหนดชั้นลับมาก โดยเฉพาะยิ่งอัตราพลกำลังสูง ก็ยิ่งส่งผลต่อความมั่นคงประเทศ ซึ่งหากเปิดเผยข้อมูลลับนี้ทั้งหมด หรือบางส่วนจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐอย่างร้ายแรง
นำมาสู่คำถามที่ว่า จำนวนนายพลของไทยต้องปิดเป็นความลับจริงหรอ ? ทั้งๆ ที่ในหลายประเทศก็เปิดเผยจำนวนนายพลในแต่ละขั้นได้

สรุปข่าว
TNN Online ได้พูดคุยกับ ดร.พอล แชมเบอร์ส อาจารย์ประจำสถานประชาคมอาเซียนศึกษา คณะสังคมศาสตร์ ม.นเรศวร ผู้ศึกษา และเชี่ยวชาญประเด็นกองทัพของไทย ซึ่ง อ.พอลก็ได้บอกกับเราเลยว่า เขาไม่คิดว่าข้อมูลนี้ จะต้องเป็นความลับ ทั้งยังมองว่า ข้อมูลนี้ไม่ได้กระทบกับเรื่องของความมั่นคงด้วย
อ.พอล เคยออกมาเปิดเผยข้อมูลในปี 2021 ว่า กองทัพไทย มีนายพลประมาณ 1,700 นาย ซึ่งตอนนี้เขาก็ยังคิดว่า จำนวนนี้ไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมนัก ซึ่งในปีนั้นเอง กองทัพยังออกมาเผยแผนที่ว่า จะมีการลดขนาดกองทัพ ยุบหน่วยงานไม่จำเป็น ลดโควตาบางตำแหน่ง โดยเชื่อว่า จะลด
นายทหารชั้นสูง เช่น พลเรือโท พลเรือโท และพลอากาศโท ลง 5 - 10 เปอร์เซ็นต์ และมีเป้าหมายแล้วเสร็จในปี 2571
ดร.พอล แชมเบอร์ส
ซึ่งในจดหมายตอบกลับนั้น นอกจากจะบอกว่าข้อมูลตัวเลขเป็นความลับแล้ว กลาโหมยังแจ้งว่า ได้ดำเนินการปรับลดนายทหารชั้นนายพลตามแผนอยู่ด้วย
แต่ถ้าไม่รู้ตัวเลข แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าแผนการเหล่านั้นไปถึงไหนแล้ว นี่คือสิ่งที่ กมธ.ทหาร และอาจารย์พอลตั้งคำถามตรงกัน โดยหลังจดหมายตอบกลับได้ถูกเผยแพร่ออกมา วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ประธานกมธ.ทหาร ก็ได้โพสต์ข้อความว่า เขาคิดว่าข้อมูลนี้ไม่ได้เป็นข้อมูลที่ลับขนาดนั้น
“เพราะจากข้อมูลที่คุณสุทิน คลังแสง อดีต รมว.กลาโหม เคยแถลงต่อสภาผู้แทนราษฎร ในวาระงบประมาณ 2568 วาระที่ 1 ก็เป็นที่ทราบดีว่า ปัจจุบันจำนวนานายพล น่าจะมีอยู่ราว 1,398 นาย อยู่ในตำแหน่งหลัก 965 นาย และอยู่ในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ 433 นาย (ข้อมูล ณ วันที่ 4 เม.ย.67)”
ทั้งยังโพสต์ว่า เข้าใจดีว่า การลดจำนวนนายพลอาจทำโดยทันทีไม่ได้ แต่การติดตามข้อมูลอัตรากำลังพลนั้น เพื่อให้สามารถพิจารณามาตรการ Early Retirement ที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ นั้นประสบความสำเร็จหรือไม่ การปิดอัตรากำลังพลหลัง Early Retirement, พิจารณาการจัดอัตรากำลังนายพล กับเหตุภารกิจในบริบทความมั่นคงในโลกยุคปัจจุบัน
ขณะที่อ.พอลได้บอกเช่นกันว่า ถ้าไม่รู้ตัวเลข จะรู้ได้ไงว่า จำนวนนายพลลดไปได้จริง ซึ่งเขามองว่า หากกองทัพไม่ต้องการลดจำนวนนายพลตามที่สัญญาไว้ การเก็บจำนวนไว้เป็น "ความลับสุดยอด" จะป้องกันไม่ให้ใครรู้ว่ามีการลดจำนวนจริงหรือไม่
จากรายงานการศึกษาส่วนบุคคล เรื่อง การปรับลดกำลังพลของกระทรวงกลาโหม เพื่อมุ่งสู่กองทัพที่ทันสมัย จัดทำโดย พลตรี สถาพร กระแสร์แสน พบว่า ที่ผ่านมากระทรวงกลาโหมมีหลายแผนในการปรับกำลังพล เช่น แผนลดนายพลในระยะ 20 ปี ตั้งแต่ ปีงบประมาณ 2551-2557โดยกําหนดให้ปรับลดลงร้อยละ 50, แผน early retire หรือ แผนใช้ทหารอาสาแทนเป็นต้น แต่ก็มีการมองว่า ยังไม่สามารถทำแผนได้ตามเป้าหมาย
รวมไปถึงความพยายามของฝั่งพรรคการเมืองต่างๆ ที่ต้องการเสนอ พรบ.กลาโหม ที่มีทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชน และกรมพระธรรมนูญเสนอนั้น ปรับลดฝ่ายทหารในกลาโหม ลดบทบาทสภากลาโหม เปลี่ยนระบบแต่งตั้งนายพล และเพิ่มกลไกการต่อต้านรัฐประหาร โดยแต่ละร่างต่างก็มีเนื้อหา และรายละเอียดที่แตกต่างกัน
แต่เมื่อปลายปี 2567 ที่มีกระแสว่าจะมีการเสนอร่าง พรบ.นี้ ก็กลับมีเสียงคัดค้าน และไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายดังกล่าว จนมีการมองว่า แม้แต่การพูดคุยเรื่องนี้ในสภา อาจเป็นไปได้ยากด้วย
ซึ่ง อ.พอล ก็ให้ความเห็นกับเราว่า เขาคิดว่าการพยายามเสนอร่างกฎหมายเหล่านี้ ไม่น่าจะประสบความสำเร็จได้ “เพราะกองทัพไทยมีอำนาจเกินกว่าที่การแก้ไขพรบ.ได้ ทั้งยังมองในแง่ที่ว่า หากประสบความสำเร็จ อาจนำมาสู่อุบัติเหตุทางการเมืองร้ายแรงได้
สุดท้ายเขาสรุปกับเราว่า แผนที่กองทัพบอกว่าจะลดขนาดตัวเองอยู่แล้ว อาจเป็นชั้นเชิงการประชาสัมพันธ์เท่านั้น และกองทัพจะยังมีบทบาทในภาคการเมืองไทยต่อไป หากภาคการเมืองยังไม่สามารถตรวจสอบได้ แม้กระทั่งกำลังพลที่ชัดเจน
ที่มารูปภาพ : envato

Karoonporn Chetpayark
(Karoonporn)