ความรักเคลือบยาพิษ 5 ดคีความสัมพันธ์ที่จบลงด้วยเลือดและน้ำตา

วันวาเลนไทน์ เทศกาลแห่งความรัก ถือเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวความรักของคู่รักจำนวนไม่น้อย แต่เส้นทางความรักที่เริ่มต้นด้วยความหอมหวานของแต่ละคู่อาจจะมีปลายทางที่ไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยเฉพาะเรื่องราวระหว่างทางความสัมพันธ์ที่แต่ละคน แต่ละคู่อาจมีอุปสรรค  สิ่งแวดล้อม และ สิ่งเร้าที่แตกต่างกัน

แม้คู่รักทุกคู่จะมีสารตั้งต้นจากความรัก แต่ความหึงหวง ความขัดแย้ง และการนอกใจ อาจเป็นสิ่งเร้าให้หวานกลายเป็นความขม แต่ปัญหาระหว่างทางความสัมพันธ์ของคนสองคนจะกลายเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยหากคู่รักใช้ความเข้าใจ ความรัก หรือ เหตุผลมาช่วยการแก้ปัญหา  

แต่ถ้าหากไม่มีสิ่งเหล่านั้นล่ะ แน่นอนว่าความขัดแย้งอาจจบลงด้วยการใช้อารมณ์ ความรุนแรง และ ความสูญเสียที่ไม่อาจแก้ไข เหมือนกับเรื่องราวความรักของ 5 คู่ต่อไปนี้ 


จากอาหารมื้อหวาน สู่ฆาตกรรมอำพรางสะเทือนขวัญ

เดือนกุมภาพันธ์ ถือเป็นเดือนแห่งความรัก แต่ใครจะคาดคิดว่าการออกมานั่งรับประทานอาหารกับคนรักในห้างสรรพสินค้ากลางกรุงจะกลายเป็นจุดจบของตัวเอง และ เป็นจุดเริ่มต้นของคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญที่สุดคดีหนึ่งของประเทศไทย

ย้อนไป 24 ปีก่อน วันที่ 20  ก.พ. 2544 หลังวาเลนไทน์ไม่ถึงสัปดาห์ นพ.วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ อดีตสูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลชื่อดัง พาภรรยา พญ.ผัสพร บุญเกษมสันติ ออกไปรับประทานอาหารที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ก่อนที่ 3 วันให้หลัง นพ.วิสุทธิ์ จะเข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.พญาไทว่า  พญ.ผัสพร ภรรยาตัวเองหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย 

ก่อนที่วันรุ่งขึ้นจะปรากฏหลักฐานสำคัญ คือ หนังสือขอลางานของ พญ.ผัสพร ว่าขอลางานไปประกอบศาสนกิจปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ ฝึกจิตใจ 

แม้จะเป็นผู้เข้าแจ้งความ และ มีจดหมายลางานเป็นเครื่องยืนยันการมีชีวิตอยู่ของ พญ.ผัสพร แต่ไม่อาจลวงชุดสืบสวนได้ เพราะผ่านไปราว 1 เดือน ตำรวจเข้าตรวจสอบห้องพักภายในมหาวิทยาลัยต้นสังกัดของ นพ.วิสุทธิ์ ซึ่งพบหลักฐานสำคัญที่อาจโยงไปถึงการฆาตกรรม จากนั้นตำรวจขยายผลไปพบหลักฐานอีกหลายจุด 

ขณะที่หลักฐานชิ้นสำคัญก็คือภาพจากกล้องวงจรปิดในวันที่ 20 ก.พ. 2544 ซึ่งปรากฏภาพ นพ.วิสุทธิ์ เดินคล้องแขนกับ พญ.ผัสพร ออกมาจากร้านอาหารในสภาพสะลึมสะลือคล้ายถูกมอมยา

และนั่นเป็นภาพสุดท้ายของ พญ.ผัสพร ก่อนที่เธอจะถูกคนที่ขึ้นชื่อว่าสามีลงมือสังหาร ก่อนใช้ความเชี่ยวชาญในฐานะแพทย์ แยกชิ้นส่วนอวัยวะ เพื่อทำลายหลักฐานอำพรางคดีฆาตกรรม  

ขณะที่ในส่วนของจดหมายลาไปปฏิบัติธรรมนั้นปรากฏภายหลังว่าเป็นการทำหลักฐานปลอมขึ้นมาโดยนพ.วิสุทธิ์ ได้ว่าจ้างบุคคลที่ 3 พิมพ์จดหมายขึ้นมา เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากบุตรทั้ง 2 ของตัวเอง และ ผู้ใกล้ชิด  

ส่วนจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งจนนำมาสู่โศกนาฏกรรมมาจากปัญหาเรื่องการฟ้องหย่าจากการที่ นพ.วิสุทธิ์ นอกใจภรรยา รวมไปถึงการข่มขู่ที่จะนำเรื่องดังกล่าวไปฟ้องร้องยังแพทยสภภา จนทำให้เรื่องราวความรักของทั้งคู่จบลงด้วยคราบเลือด และ น้ำตาของคนในครอบครัว 

ความรักเคลือบยาพิษ 5 ดคีความสัมพันธ์ที่จบลงด้วยเลือดและน้ำตา

สรุปข่าว

บทเรียนความรักจาก 5 คดี สะเทือนขวัญ ที่สอนว่าแม้คู่รักทุกคู่จะมีสารตั้งต้นจากความรัก แต่ความหึงหวง ความขัดแย้ง และการนอกใจ อาจเป็นสิ่งเร้าให้หวานกลายเป็นความขม แต่ปัญหาระหว่างทางความสัมพันธ์ของคนสองคนจะกลายเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยหากคู่รักใช้ความเข้าใจ ความรัก หรือ เหตุผลมาช่วยการแก้ปัญหา

เริ่มต้นดุจเทพนิยาย แต่จุดจบดั่งหนังฆาตกรรม

‘ซินเดอเรลลาเมืองไทย’ คือฉายาของหม่อมลูกปลา  อดีตหม่อมในหม่อมเจ้าฐิติพันธุ์ ยุคล

เรื่องราวของหม่อมลูกปลาได้รับความสนใจเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2537  เมื่อหม่อมลูกปลาได้เข้าพิธีเสกสมรสที่สุดหรูหรากับหม่อมเจ้าฐิติพันธุ์ ยุคล หรือ ท่านชายกบ  ด้วยเพราะเธอมีอดีตเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกนำตัวไปอุปการะที่วังอัศวินในฐานะสาวรับใช้ จนกระทั่งเมื่อเติบโตเป็นสาวรุ่นด้วยความที่เป็นเด็กฉลาดรอบรู้ จึงเป็นที่โปรดปรานของหม่อมเจ้าฐิติพันธุ์ นำมาสู่การยกระดับเป็นภรรยาในที่สุด 

ความรักของหม่อมลูกปลาจึงถูกเปรียบเป็นตำนานรักไม่ต่างกับเรื่องราวของซินเดอเรลล่า เพราะเป็นความรักระหว่างหญิงสาวสามัญชน ซึ่งเป็นเด็กกำพร้ากับชายผู้สูงศักดิ์

ทว่าความรักที่ดูสวยหรูดั่งนิทานกลับถูกปิดฉากด้วยความรวดเร็วเมื่อหม่อมลูกปลาพบรักกับหนุ่มนอกวัง นำมาซึ่งการสิ้นชีพิตักษัยของ “ท่านกบ” โดยทีมแพทย์ระบุว่าสาเหตุมาจากการเสวยกาแฟที่มีการผสมยาฆ่าแมลงกลุ่มคาร์บอเมท ซึ่งผู้ที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นผู้วางยาพิษในกาแฟก็คือทางด้านของ "หม่อมลูกปลา" กระทั่งนำไปสู่การจับกุมตัวในที่สุด 


สตรีแห่งขุนเขา โศกนาฏกรรมรักปริศนา 22 ปี 


ลำดวน สีกันยา เป็นคนอุดรธานี เดินทางเข้าหางานทำในกรุงเทพฯ จนในปี 2533 ได้พบกับ เดวิด อาร์มิเทจ ครูสอนภาษาชาวอังกฤษ ทั้งคู่ใช้เวลาเพียง 1 ปี จนความรักสุกงอมดี ในที่สุดพวกเขาก็แต่งงานกัน และพากันย้ายไปอยู่ที่อังกฤษ โดยอาศัยที่เมืองพอร์ตสมัธ 


ลำดวนมีลูกติด 1 คนจากสามีคนก่อน และมีลูกอีก 2 คน กับเดวิด แม้จะมีพยานรักแต่ชีวิตคู่กลับไม่ราบรื่นนัก มีทั้งเรื่องการงาน สุขภาพ การเงิน และข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายลำดวน ซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความรุนแรงเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด


เดือนกันยายน ปี 2547  นักปีนเขาพบศพหญิงปริศนาในอุทยานแห่งชาติยอร์กเชียร์ เดลส์ เธอสวมแหวนทองคำ ผลิตจาก กทม. และได้รับการขนานนามว่า สตรีแห่งขุนเขา ตำรวจอังกฤษสอบสวนมาตลอด แต่สันนิษฐานได้เพียง เป็นการฆาตกรรม และเหยื่อก็เป็นหญิงเอเชียที่แต่งงานกับชาวยุโรป 

กว่าปริศนาจะไขกระจ่างว่าสตรีแห่งขุนเขา ก็คือ “ลำดวน” ก็ต้องใช้เวลากว่า 15 ปี หรือ พ.ศ.2562 ขณะที่ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน “เดวิด” ได้ย้ายกลับมาประเทศไทย เป็นครูสอนภาษาที่จังหวัดกาญจนบุรี 


กระทั่งวันที่ 23 มกราคม 2568 กองบังคับการสืบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เข้าควบคุมตัว เดวิด ที่บ้านพัก เพราะอาจเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของภรรยา ก่อนที่จะเพิกถอนวีซ่าเดวิด และดำเนินการส่งตัวออกนอกประเทศ เพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวนในอังกฤษ 

รักแท้ไม่ควรครอบครอง

นายเสริม สาครราษฎร์ นิสิตแพทย์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ( พ.ศ. 2541 ) พบรักกับนางสาวเจนจิรา จนตกลงคบหาเป็นแฟน คู่รัก นศ.แพทย์เหมือนจะมีความรักที่แนบแน่นและมีความหวังในอนาคต แต่ระหว่างการคบหาเกิดความขัดแย้งในความสัมพันธ์ จนะกระทั่งฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายขอยุติความสัมพันธ์ 

ด้วยความโกรธนายเสริมจึงวางแผนชวนแฟนสาวมาที่ห้องพัก เพื่อปรับความเข้าใจแต่ฝ่ายหญิงยืนยันคำตอบเดิมคือ “เลิก” นายเสริมจึงลงมือฆาตกรรม ก่อนที่จะมีการอำพรางศพ แยกชิ้นส่วน และ นำไปทิ้งแม่น้ำบางปะกง เพื่อหลบหนีความผิด คดีนี้ศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต แต่จำคุกจริง 13 ปี 9 เดือน เพราะขณะอยู่ในเรือนจำ ปฏิบัติตัวดี จึงได้รับการอภัยโทษ 5 ครั้ง

โดยการตัดสินคดีนายเสริม คำพิพากษาตอนหนึ่งระบุว่า 

“ศาลเห็นว่าจำเลยปรารถนาจะยึดครองผู้ตายเพื่อความสุขของจำเลยเอง เมื่อไม่สมหวังจำเลยก็ฆ่าผู้ตาย เป็นความคิดและการกระทำที่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ของจำเลยโดยฝ่ายเดียว มิได้คำนึงถึงจิตใจและความรู้สึกของผู้ตาย หาใช่ความรักไม่” 


จุดเริ่มต้นความรักที่กลายเป็นโศกนาฏกรรม 

เรื่องราวของ ศยามล ลาภก่อเกียรติ และ นพ.บัณฑิต โฆษิตชัยวัฒน์ ที่แม้จะจบชีวิตรักด้วยการหย่าร้าง แต่ยังไม่สามารถหาข้อยุติเรื่องความสัมพันธ์ได้ จนนำมาสู่การใช้ความรุนแรง

ศยามล และ นพ.บัณฑิต พบรักกันในช่วงที่ศยามลยังเป็นนักศึกษา จุดเริ่มต้นเป็น นพ.บัณฑิตที่พยายามแสดงความรัก ความจริงใจเพื่อเอาชนะใจศยามล แต่เมื่อทั้งคู่ได้ตกลงแต่งงานกันจนมีพยานรัก 1 คน ทว่าเรื่องราวกลับตาลปัตร เพราะหลังจากใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ความสัมพันธ์ของทั้งสองเริ่มมีปัญหา 

ต่อมา ทั้งสองหย่าร้างกันหลังจากแต่งงานได้ระยะหนึ่ง โดยศยามลได้รับเงินค่าเลี้ยงดูจำนวน 2 ล้านบาท และแยกไปใช้ชีวิตของตัวเอง เปิดร้านขายเสื้อผ้าอยู่ที่หัวหิน ซึ่งอยู่ใกล้กับร้านขายยาของ นพ.บัณฑิต

อย่างไรก็ตาม การที่ศยามลยังอยู่ในหัวหินและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในสังคมเดิม ทำให้เกิดความไม่พอใจจาก นพ.บัณฑิต ซึ่งต้องการให้เธอย้ายออกจากพื้นที่ เพราะเขากำลังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับหญิงสาวคนใหม่ที่ทำงานในโรงพยาบาลเดียวกัน

จากจุดเริ่มต้นของความรักที่หวานชื่น สุดท้ายความสัมพันธ์ของทั้งสองกลับกลายเป็นโศกนาฏกรรมที่สะเทือนใจคนทั้งประเทศ


ความรักสีเลือดทั้ง 5 เรื่อง เป็นตัวอย่างส่วนหนึ่งของเรื่องราวความรักที่มีจุดจบที่ไม่เหมือนกับตอนเริ่มต้น ซึ่งเรื่องราวทั้ง 5 เป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่า แม้จะหมดรัก สิ้นเยื่อใยแค่ไหนก็ไม่ควรแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง 



Exclusive Content By วุฒิพันธุ์ เปรมาสวัสดิ์ รองบรรณาธิการ TNN Online 

ที่มาข้อมูล : TNN ONLINE เรียบเรียง

ที่มารูปภาพ : Canva

avatar

Wutthipun Pre
(Wutthipun)