ยาสมาธิสั้นขาดคราว กระทบผู้ป่วยเด็ก 3 แสนคน ส่งผลการใช้ชีวิต - ควบคุมตัวเองไม่ได้

ยาแก้โรคสมาธิสั้น  หรือ ยา Methylphenidate เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่จิตแพทย์จ่ายให้กับผู้ป่วยเด็กโรคสมาธิสั้น ซึ่งในประเทศไทยที่มีอยู่กว่า 3 แสนราย ขณะที่ในปัจจุบันเด็กกลุ่มนี้กำลังเผชิญกับปัญหายาขาดคราว หรือ ยาขาดไม่มีให้สั่งจ่ายเป็นคราว ๆ ไป โดยจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นยอมรับว่าการรับประทานบาแก้โรคสมาธิสั้นไม่ต่อเนื่อง อาขส่งปัญหาต่อการรักษา และ อาจทำให้อาการสมาธิสั้นหนักขึ้น ส่งผลต่อการใช้ชีวิต การเรียน และ เกิดปัญหาด้านความสัมพันธ์กับคนรอบข้างทั้งกับเพื่อนในโรงเรียน และ กับครอบครัว

 พญ.เบญจพร ตันตสูติ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น แอดมินเพจเข็นเด็กขึ้นภูเขา สะท้อนปัญหายาแก้โรคสมาธิสั้นขาดชั่วคราวผ่านจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ด้วยความเป็นห่วงเด็ก ๆ ว่าจะได้รับผลกระทบหลายด้าน หลังพบว่าปัญหาขาดยากลายเป็นปัญหาเรื้อรังมานานหลายปี ทำให้เกิดปัญหายาขาดคราวบ่อย ๆ เกิดเหตุการณ์ ยาไม่เพียงพอสำหรับความต้องการของคนไข้ โดยในหนึ่งปีเกิดเหตุการณ์ขาดยาหลายรอบ โดยใจความตอนหนึ่งของจดหมายเปิดผนึกระบุว่า จดหมายนี้เขียนด้วยความเป็นห่วงคนไข้ที่จำเป็นต้องกินยา แต่ยาขาดคราว(ขาดคราวเป็นศัพท์ที่ใช้เวลายาขาดไม่มีให้สั่งจ่ายเป็นคราวๆ ไป) เนื่องด้วยที่ผ่านมาในประเทศไทย บรรดาแพทย์ที่ทำการรักษาผู้ป่วยที่เป็นสมาธิสั้น โดยเฉพาะจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น พบปัญหายาสมาธิสั้น Methylphenidate ในรูปแบบต่างๆ ขาดคราวค่อนข้างบ่อย ทำให้ไม่มียาสั่งจ่ายในการรักษาให้คนไข้ ส่งผลกระทบตามมาถึงตัวคนไข้ ซึ่งส่วนมากเป็นเด็ก รวมถึงครอบครัวด้วย

“แม้จะชื่อว่าโรคสมาธิสั้น แต่จริง ๆ แล้วโรคนี้ส่งผลต่อการควบคุมตัวเอง (Self-control) ด้านต่าง ๆ ทั้งสมาธิ คำพูด การกระทำ อารมณ์ ฯลฯ ดังนั้นหากไม่รักษาหรือรักษาได้ไม่ต่อเนื่องจะส่งผลกระทบไม่เพียงแค่ไม่มีสมาธิในการเรียน หรือมีปัญหาการเรียน ตามที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ แต่อาจมีปัญหาอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการเรียน เช่น การควบคุมอารมณ์ มีใจร้อน หงุดหงิด รอคอยไม่ได้ มีปัญหาเวลาอยู่กับคนอื่น เพราะควบคุมคำพูดและการกระทำไม่ได้ บางครั้งเด็กอาจถูกเพื่อนแกล้ง หรือไปแหย่เพื่อน ถูกครูหรือครอบครัว ตำหนิ ไม่เป็นที่ยอมรับในกลุ่ม สุดท้ายส่งผลถึงความภาคภูมิใจในตัวเอง มีปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ ตามมาทั้งตอนที่เป็นเด็กและเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่” พญ.เบญจพร ระบุ


ยาสมาธิสั้นขาดคราว กระทบผู้ป่วยเด็ก 3 แสนคน ส่งผลการใช้ชีวิต - ควบคุมตัวเองไม่ได้

สรุปข่าว

จิตแพทย์เด็ก สะท้อนปัญหาการนำเข้ายา ยาแก้โรคสมาธิสั้น หรือ ยา Methylphenidate ที่ขาดแคลานในบางช่วง และ บ่อยครั้ง ส่งผลต่อการรักษาผู้ป่วยเด็ก 3 แสนราย ซึ่งอาจส่งผลต่อการควบคุมตนเอง และ สร้างผลกระทบเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่

พญ.เบญจพร  เปิดเผยกับ TNN ONLINE ว่า Methylphenidate เป็นยาที่อยู่ในกลุ่มวัตถุออกฤทธิ์ประเภทที่ 2 (กลุ่มเดียวกันกับ pseudoephedrine ฯลฯ) นั่นทำให้สถานพยาบาลไม่สามารถสั่งยาโดยตรงจากบริษัทยาได้ ต้องสั่งผ่าน อย, เท่านั้น   โดยหากประเมินว่าการสั่งยา methylphenidate ให้เพียงพอต่อผู้ป่วยเด็ก อย.ควรสั่งยาข้ามาให้ได้ประมาณ 160 ล้านเม็ดต่อปี (คิดจากจำนวนคนไข้ที่เข้าสู่ระบบบริการ 50% ของคนไข้ทั้งหมดประมาณสามแสน x 3 เม็ด/วันx 365 วัน)

ทั้งนี้ชมรมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ได้เตรียมผลักดันยาแก้สมาธิสั้นเพิ่ม เพราะในปัจจุบันประเทศไทยมียา Methylphenidate เพียงตัวเดียวเท่านั้น ขณะที่ประเทศอื่นมียาแก้สมาธิหลายตัว จึงอยากให้มีการพิจารณานำเข้ายาประเภทอื่น หรือเร่งรัดการนำเข้ายาทางเลือกสำหรับผู้ป่วยสมาธิสั้นเพื่อใช้แทน Methylphenidate ที่มีแนวโน้มจะยังขาดแคลน เช่น Lisdexamfetamine หรือ  Guanfacine

พญ.เบญจพร   ยังชี้แจงผ่านเพจเข็นเด็กขึ้นภูเขา ถึงความจำเป็นในการกินยาของผู้ป่วยเด็กโรคสมาธิสั้นว่าคนที่เป็นสมาธิสั้นจะมีปริมาณสารสื่อประสาทในสมองที่ทำให้มีสมาธิต่างจากคนทั่วไป  ดังนั้น ยาจึงไปช่วยปรับสมดุลของสารสมาธิ  ซึ่งยาหลักที่ใช้ในการรักษา ถือเป็นยาที่ปลอดภัย ไม่สะสมร่างกาย ทานได้ระยะยาว แต่จะพบผลข้างเคียงบ้างในเด็กบางคน เช่นเบื่ออาหาร ขณะเดียวกันยังมีงานวิจัยที่บอกว่า การรักษาเด็กสมาธิสั้นนั้น การใช้ยาได้ผลดีกว่าการปรับพฤติกรรม และเมื่อเทียบระหว่าง การรักษาด้วยยาอย่างเดียว กับ การรักษาด้วยยาบวกการปรับพฤติกรรม พบว่าไม่แตกต่างกัน  ดังนั้นสรุปว่า การกินยามีความจำเป็นและได้ผลดีในเด็กที่เป็นสมาธิสั้นจริง ๆ ที่สำคัญหากอยู่ระหว่างกินยาไม่ควรหยุดกินยาเอง เพราะเด็กจำนวนมากที่หยุดยาเอง ก็กลับมาพบหมอด้วยอาการที่เป็นมากขึ้น


ด้านนายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ยาเมทิลเฟนิเดต (methylphenidate) เป็นยารักษาโรคสมาธิสั้น ที่ทั่วโลกควบคุมเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ซึ่งจะมีการควบคุมกระบวนการผลิตและจำหน่ายที่เข้มงวดมากกว่ายารักษาโรคทั่วไป  ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทยยังไม่สามารถผลิตยารักษาโรคสมาธิสั้นชนิดออกฤทธิ์นานได้ จึงจำเป็นต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ประกอบกับความต้องการยากลุ่มนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้น จึงทำให้เกิดความต้องการยาเกินกว่าปริมาณที่ผลิตได้ ส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนยารักษาโรคสมาธิสั้นทั่วโลก

ทั้งนี้ยืนยัน อย. ไม่นิ่งนอนใจกับปัญหาขาดแคลนยาดังกล่าว จึงเร่งหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ชมรมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น องค์การเภสัชกรรม ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อติดตามและหาแนวทางเพิ่มเติมในการจัดการปัญหาการขาดแคลนที่เกิดขึ้น ซึ่งที่ประชุมได้เสนอแนะมาตรการสำคัญที่จะขอความร่วมมือ โดยให้สถานพยาบาลดำเนินการตามมาตรการการกระจายยาแบบควบคุมเพื่อลดปัญหาการสำรองยาเกินความจำเป็น และให้ราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทยกำหนดแนวทางการรักษาที่สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน รวมทั้งให้มีการใช้ยาที่ผลิตโดยองค์การเภสัชกรรมเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นการทดแทนการนำเข้ายาดังกล่าว นอกจากนี้ อย. ได้ประสานผู้ผลิตในต่างประเทศเพื่อผลิตยาให้กับประเทศไทยเพิ่มเติมและเร่งการขึ้นทะเบียนยาทางเลือกตัวอื่นที่มีข้อบ่งใช้ในการรักษาโรคสมาธิสั้น

สำหรับยาหลักที่ให้ในการรักษาในประเทศไทย ชื่อว่า Methylphenidate เป็นยาชนิดแบบออกฤทธิ์สั้น อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ใช้บัตรทองได้ 

ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิต ระบุว่าโรคสมาธิสั้นในเด็กเกิดจากภาวะบกพร่องในการทำหน้าที่ของสมอง ทำให้เด็กเกิดความผิดปกติที่สำคัญ 3 ด้าน คือ ช่วงสมาธิสั้นกว่าปกติ มีความสนใจต่ำ ช่วงซุกซนผิดปกติ และช่วงมีพฤติกรรมหุนหันพลันแล่น

โดยเด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้นกว่าร้อยละ 50 จะมีปัญหาด้านสุขภาพจิตตามมา เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการปรับตัวเข้ากับคนอื่น และเกิดปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครอง

 เรียบเรียง โดยวุฒิพันธุ์ เปรมาสวัสดิ์ รองบรรณาธิการ TNN ONLINE  

avatar

Wutthipun Pre
(Wutthipun)