TNN "เน็กซัส" ชี้ บ้านหรูกลางเมืองยังเติบโต

TNN

Wealth

"เน็กซัส" ชี้ บ้านหรูกลางเมืองยังเติบโต

เน็กซัส ชี้ บ้านหรูกลางเมืองยังเติบโต

เน็กซัส ชี้ โควิด-19 ส่งผลบวกให้ตลาดบ้านหรูกลางเมือง พฤติกรรมผู้บริโภคระดับบน หันมาสนใจบ้านในระดับราคา 20-100 ล้านบาท มากขึ้น

นางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า หากให้นิยามบ้านหรูใจกลางเมือง น่าจะหมายถึง บ้านขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่า 300 - 1,000 ตารางเมตร ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบ้าน 3 ชั้นขึ้นไป โดยจะเน้นพื้นที่ใช้สอย และฟังก์ชั่นภายในบ้านให้ตอบสนองกับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยมากที่สุด อาจจะมีทั้งรูปแบบ ทาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝด และ บ้านเดี่ยว


สำหรับภาพรวมตลาดบ้านหรูใจกลางเมืองนั้น ตลาดยังคงเติบโต อุปทาน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีโครงการใหม่เกิดขึ้น 56 โครงการ อุปทานอยู่ในตลาด 796 หน่วย มูลค่าตลาดมากกว่า 40,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่เข้ามาพัฒนาโครงการในลักษณะนี้ มีทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ และรายย่อยที่ต้องการทำสินค้า niche market   อย่างไรก็ตาม โครงการประเภทนี้ แต่ละโครงการเป็นโครงการขนาดไม่ใหญ่ และสัดส่วนกำไรเมื่อเทียบกับต้นทุนค่าดำเนินการ (soft cost) ไม่สูงมาก การพัฒนาโครงการประเภทนี้ จึงดึงดูดใจผู้ประกอบการรายย่อยได้มากกว่า ซึ่งโครงการที่พัฒนาโดยผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดมีสัดส่วนเป็น 39% ของอุปทานทั้งหมด

ทำเลที่ตั้ง ของโครงการบ้านหรูนั้น จะมีความสะดวกสบายอยู่ในเมือง โดย 90% ของอุปทาน อยู่ในโซนที่เชื่อมต่อกับใจกลางเมือง มีการเดินทางสะดวกและคล่องตัว ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าหรือขนส่งสาธารณะ โดยทำเลที่มีบ้านมากที่สุดคือ เอกมัย-รามอินทรา รองลงมาเป็นสาทร-พระราม 3 และสุขุมวิท 


สำหรับสินค้าในตลาดนี้ ระดับราคาต่อหน่วยมีความแตกต่างกันมาก ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ประกอบไปด้วย ทำเลที่ตั้ง ขนาดของที่ดิน ขนาดบ้าน และวัสดุที่ใช้ในโครงการ โดยนิยามบ้านหรูในระดับนี้ จะเริ่มต้นที่ระดับราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป จนถึงมากกว่า 100 ล้านบาท ทั้งนี้ สัดส่วนการพัฒนาโครงการบ้านประเภทนี้ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 30 - 50 ล้านบาท


ส่วนความต้องการบ้านประเภทนี้ ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยส่วนหนึ่งจะมาจากไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป ของผู้ซื้อที่อยู่อาศัยระดับบน จากคอนโดมิเนียมเป็นบ้านใจกลางเมือง แต่ยังคงความสะดวกสบายและหรูหรา เหมือนใช้ชีวิตในตึกสูง ขณะเดียวกัน ยังได้เป็นเจ้าของที่ดินและบ้านด้วย เป็นกลุ่มที่เรียกว่า real demand หรือ ผู้อยู่อาศัยจริง โดยปกติแล้ว การขายบ้านประเภทนี้อาจไม่ได้รวดเร็วมากนัก ซึ่งระยะเวลาการขายเฉลี่ยแต่ละโครงการอยู่ที่ 2 - 3 ปี ยอดขายเฉลี่ยในตลาดอยู่ที่ 53% ปัจจัยที่ทำให้ยอดขายแตกต่างกันขึ้นอยู่กับราคา เมื่อเปรียบเทียบกับทำเลที่เหมาะสม ความสะดวกสบายของทำเลเมื่อเทียบกับราคา และคุณภาพของสินค้าโดยรวม

จากข้อมูลทางการตลาดและผลวิจัยเบื้องต้น เน็กซัส สรุปความน่าสนใจและข้อดีของตลาดบ้านหรูกลางเมืองสำหรับผู้บริโภค โดยแบ่งเป็น 9 ข้อดีของการมีบ้านในเมือง ได้แก่  ตลาดยังคงเติบโตและมีอุปทานคุณภาพดีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ,ทำเลกลางเมืองเดินทางสะดวกสบาย , ราคาที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับทำเลและพื้นที่ใช้สอยที่ได้,  ได้ทรัพย์สินเป็นที่ดิน และความรู้สึกความเป็นเจ้าของที่แท้จริง,  มีความเป็นส่วนตัวสูง,  ได้บ้านที่แตกต่างสะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัย,  คุณภาพและวัสดุที่ใช้,  ไลฟ์สไตล์คนเมือง ,และ  สำคัญที่สุดเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าทั้งในปัจจุบันและอนาคต


จากความน่าสนใจของตลาดบ้านหรูใจกลางเมือง เราจึงมองเห็นโอกาส ที่จะทำให้ “ผู้ซื้อ” สามารถเลือกซื้อสินค้าประเภทนี้ ได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการที่แท้จริง ทั้งในแง่ของงบประมาณและไลฟ์สไตล์ ในขณะที่ “ผู้ขาย” ก็มีโอกาสขายสินค้าได้ ตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น จึงเป็นที่มาของการจัดแคมเปญ “Luxury House Grand Sale” เพื่อรวบรวมบ้านหรู Rare Item โครงการคุณภาพใจกลางเมืองกว่า 20 โครงการ มาให้เลือกช้อปแบบครบ จบที่เดียว


ข่าวแนะนำ