การลงทุนต่างชาติในไทยพุ่ง 54% ใน 7 เดือนแรกปี 67 ญี่ปุ่นนำโด่ง EEC โตก้าวกระโดด
การลงทุนของต่างชาติในไทยพุ่งสูงขึ้นในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2567
ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2567 ประเทศไทยได้เห็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในการลงทุนจากต่างประเทศ โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมสูงถึง 90,987 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 54 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน บทความนี้จะวิเคราะห์แนวโน้มการลงทุน ประเทศที่เป็นนักลงทุนหลัก และผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย
การเติบโตของการลงทุนจากต่างชาติ
การลงทุนจากต่างชาติในประเทศไทยได้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2567 โดยมีจำนวนนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 และมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 54 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การเติบโตนี้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนต่างชาติต่อเศรษฐกิจไทยและโอกาสทางธุรกิจในประเทศ
อย่างไรก็ตาม น่าสังเกตว่าการจ้างงานคนไทยกลับลดลงร้อยละ 40 ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีสูงขึ้นหรือการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่อาจต้องการแรงงานน้อยลง
ประเทศผู้ลงทุนหลัก
ญี่ปุ่นยังคงเป็นนักลงทุนอันดับหนึ่งในประเทศไทย โดยมีจำนวนนักลงทุน 117 ราย และมูลค่าการลงทุนสูงถึง 47,879 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นกว่าครึ่งของมูลค่าการลงทุนทั้งหมด การที่ญี่ปุ่นยังคงเป็นผู้นำในการลงทุนแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งระหว่างสองประเทศและความเชื่อมั่นของนักลงทุนญี่ปุ่นต่อตลาดไทย
นอกจากนี้ สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา จีน และฮ่องกง ก็เป็นนักลงทุนสำคัญในอันดับต้นๆ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของแหล่งเงินทุนและความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก
การลงทุนในพื้นที่ EEC
การลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีจำนวนนักลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 88 และมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 124 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การเติบโตนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของนโยบายส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ EEC และความน่าสนใจของโครงสร้างพื้นฐานและสิทธิประโยชน์ที่รัฐบาลมอบให้
ญี่ปุ่น จีน และฮ่องกงเป็นนักลงทุนหลักในพื้นที่ EEC ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงความสนใจของนักลงทุนเอเชียในการใช้ไทยเป็นฐานการผลิตและการกระจายสินค้าในภูมิภาค
การถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้
การลงทุนจากต่างชาติไม่เพียงแต่นำเงินทุนเข้าสู่ประเทศเท่านั้น แต่ยังมีส่วนสำคัญในการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้เฉพาะทางให้แก่แรงงานไทย ตัวอย่างเช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับเครื่องบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบไร้สาย การให้บริการคลาวด์ ระบบเครื่องยนต์ของเครื่องบิน และระบบที่เกี่ยวข้องกับโมเดลภาษาขนาดใหญ่ การถ่ายทอดเทคโนโลยีเหล่านี้มีส่วนสำคัญในการยกระดับทักษะของแรงงานไทยและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว
บทสรุป
การลงทุนของต่างชาติในไทยช่วง 7 เดือนแรกของปี 2567 แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่น่าพอใจ ทั้งในแง่ของจำนวนนักลงทุนและมูลค่าการลงทุนที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ EEC การที่ญี่ปุ่นยังคงเป็นนักลงทุนอันดับหนึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่ยังคงแข็งแกร่งต่อเศรษฐกิจไทย ในขณะที่การมีนักลงทุนจากหลากหลายประเทศช่วยกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ
อย่างไรก็ตาม การลดลงของการจ้างงานคนไทยเป็นประเด็นที่ควรติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะส่งผลดีต่อแรงงานไทยในระยะยาว นอกจากนี้ การส่งเสริมการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้จากนักลงทุนต่างชาติสู่บุคลากรไทยควรเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญเพื่อเพิ่มศักยภาพของประเทศในการแข่งขันในตลาดโลก
ข่าวแนะนำ