“โลกร้อนหยุดไม่อยู่” ข้อมูลชี้โลกเดือดทุบสถิติ ต่อเนื่อง 11 เดือน ปีหน้าร้อนยิ่งกว่า
โลกร้อนระอุ อุณหภูมิสูงทุบทำลายสถิติตัวเองติดต่อกันนานถึง 11 เดือน ส่วนท้องทะเลนั้น อุณหภูมิพื้นผิวน้ำร้อนจัดสูงสุดในเดือนเมษายน ทำลายสถิติต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 สูงสุดเป็นประวัติการณ์
โลกร้อนขึ้นทุกปี อากาศร้อนจะระอุหนักยิ่งขึ้นไปอีก แล้วมนุษยชาติจะทำอย่างไร เมื่อ “โลกเดือด” มากขึ้น แบบไม่มีลงลดเลย
—โลกร้อนทุบสถิติ ติดต่อนาน 11 เดือน—
โครงการบริการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโคเปอร์นิคัสของสหภาพยุโรป เผยผล การศึกษาใหม่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ระบุว่า เดือนเมษายน ปี 2024 ที่ผ่านมา อุณหภูมิค่าเฉลี่ยโลกสูงขึ้นทุบทำลายสถิติเดิมเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน
ผลการศึกษานี้ เป็นหนึ่งในการบันทึกสถิติอุณหภูมิโลกที่ยาวนานหลายสิบปี และแต่ละปีอุณหภูมิก็มีแต่จะร้อนขึ้น จากวิกฤตเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
รายงานดังกล่าว เผยว่า นับตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ทุกเดือนอุณหภูมิจะทุบสถิติของเดือนเดียวกันในอดีต
อย่างเดือนเมษายนที่ผ่านมา อุณหภูมิสูงขึ้นเฉลี่ย 1.58 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับสถิติเดือนเมษายน ในช่วงยุคก่อนอุตสาหกรรม ปี 1850-1900
นอกจากนี้ อุณหภูมิค่าเฉลี่ยของโลกในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา สูงขึ้น 1.6 องศาเซลเซียส เกินกว่าเป้าหมายตามข้อตกลงปารีสที่กำหนดไว้ว่า ไม่ควรเพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม
“เดือนเมษายนปีนี้ เป็นเดือนเมษายนที่ร้อนสุดที่เป็นประวัติการณ์ทั่วโลก ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากอุณหภูมิอากาศพื้นผิวเฉลี่ยทั่วโลก นี่คือ เดือนที่ 11 ที่อุณหภูมิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ฉะนั้น นี่จึงเป็นหนึ่งในสถิติอุณหภูมิโลกที่ยาวที่สุดเท่าที่เราเคยเห็นมาในช่วงหลายสิบปีนี้” จูเลียน นิโคลัส นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศแห่งโคเปอร์นิคัส กล่าว
หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้อุณหภูมิปีนี้สูงสุดยาวนานต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจาก ‘เอลนีโญ’ ปรากฎการณ์ที่ทำให้อุณหภูมิผิวน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกสูงขึ้น
ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติร้ายแรงและฉับพลันทั่วโลก บางพื้นที่อาจแล้งจัด จนน้ำแห้งเหือด ขณะที่ บางพื้นที่ก็ต้องเผชิญน้ำท่วม ฝนตกหนัก ผู้คนต้องไร้ที่อยู่อาศัย
โดยแถบเอเชีย ตั้งแต่อินเดียไปจนถึงเวียดนาม รวมถึงไทย ประชาชนและสิ่งมีชีวิตต้องทนทุกข์ทรมานจากคลื่นความร้อนที่ปกคลุมหลายสัปดาห์ โรงเรียนถูกสั่งปิด ประชาชนได้รับผลกระทบทางสุขภาพ กระทบผลผลิตทางการเกษตร หนักสุดหลายคนต้องเสียชีวิตจากโรคลมแดด
ขณะที่ บราซิลต้องประสบภัยน้ำท่วมอย่างรุนแรงในพื้นที่ทางตอนใต้ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตนับร้อยหลายคน สูญหายอีกร้อยคน
นอกจากนี้ หลายพื้นที่ในอเมริกาเหนือ เอเชียกลาง และอ่าวเปอร์เซีย ที่ต้องเผชิญน้ำท่วม หลังเกิดฝนตกหนัก
ส่วนออสเตรเลียเผชิญกับฝนตกหนักในทางตะวันออก และพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศต้องเผชิญกับความแห้งแล้งมากกว่าปกติ เช่นเดียวกับทางตอนเหนือของเม็กซิโก และบริเวณรอบ ๆ ทะเลแคสเปียน
สภาพอากาศสุดขั้วที่เราเห็นอยู่นี้ มาทั้งในรูปแบบของน้ำท่วม และภัยแล้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกันทั่วโลกในเดือนเมษายนปีนี้ และปัจจัยก็หนีไม่พ้น วิกฤตสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง
—ท้องทะเลเดือดไม่แพ้บนดิน—
นอกจากพื้นผิวอากาศที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นทำลายสถิติต่อเนื่อง แต่ใต้ท้องทะเล อุณหภูมิค่าเฉลี่ยพื้นผิวทะเลโลกในเดือนเมษายน ก็ยังทำลายสถิติเป็นเดือนที่ 13 ติดต่อกัน
อุณหภูมิมหาสมุทรที่สูงขึ้น คุกคามสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล ส่งผลให้ความชื้นในชั้นบรรยากาศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นผลเสียต่อศักยภาพในการดูดซับก๊าซเรือนกระจก
บรรดาผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง โลกจะเห็นการเปลี่ยนผ่านไปสู่ ‘ลานีญา’ ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ตรงข้ามกับ เอลนีโญ กล่าวคือ อุณหภูมิในน้ำทะเลจะต่ำลง
แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ตั้งข้อสังเกตว่า แม้เอลนีโญจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่อุณหภูมิโลกอาจยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องก็เป็นได้
“นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่น่าสงสัยที่สุดคือ แม้ว่าเอลนีโญจะสิ้นสุด แต่อุณหภูมิผิวน้ำทะเลทั่วโลกก็ยังคงสูงอยู่ ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เมื่อพิจารณาจากบันทึกทั้งหมดนี้ เราได้เห็นการทำลายสถิติในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์หลายคนตั้งคำถามว่าระบบภูมิอากาศโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่” นิโคลัส กล่าว
---เป้าหมาย 1.5 องศาฯ ทำได้จริง หรือ สายไปแล้ว ?—
สหประชาชาติ หรือ UN เคยออกมาเตือนเมื่อเดือนมีนาคมว่า มีความเป็นได้สูงที่ปี 2024 จะมีอุณหภูมิสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
หลายประเทศเห็นพ้องกับเป้าหมายพยายามจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียสในปี 2015
นี่เป็นระดับที่นักวิทยาศาสตร์หลายคน มองว่า ต้องหลีกเลี่ยง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบร้ายแรงที่สุดจากภาวะโลกร้อน อย่างเช่น คลื่นความร้อนรุนแรง น้ำท่วม และการสูญเสียระบบนิเวศอย่างถาวร
สภาพอากาศที่แปรปรวน และอุณหภูมิที่เดือดขึ้น เหมือนโลกกำลังถูกต้มเช่นนี้ สร้างความท้าทายให้กับรัฐบาลทั่วโลกว่า จะบรรลุเป้าหมายในการควบคุมอุณหภูมิให้ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียสได้หรือไม่
นักวิทยาศาสตร์บางส่วนมองว่า อุณหภูมิที่สูงขึ้นเช่น มันอาจฟันธงได้แล้วว่า บางทีเราอาจทำไม่สำเร็จ
แปล-เรียบเรียง: พรวษา ภักตร์ดวงจันทร์
ข้อมูลอ้างอิง:
World sweltered as April smashed global heat records - AFP
Hottest April on record, as climate change drives 11-month streak - Reuters
ข่าวแนะนำ