

สรุปข่าว
สั่นสะเทือนไปทั่วโลก หลังกองทัพรัสเซียเริ่มเปิดฉากยิงขีปนาวุธถล่มในหลายเมืองของยูเครน พร้อมส่งกองกำลังยกพลขึ้นบกที่ชายฝั่งตอนใต้ หลังจาก วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีเซ็นคำสั่งเริ่มปฏิบัติการพิเศษทางทหารในวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา ส่งผลให้ตลาดการเงินและตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงกันระนาว
โดยดัชนี MSCI ในเอเชียแปซิฟิก ไม่รวมญี่ปุ่น ในวันที่รับทราบข่าวการระเบิดสงครามนั้น ลงกว่า 3% ตลาดหุ้นออสเตรเลียลงกว่า3% และตลาดหุ้นจีนร่วงลง 1.3%ดัชนีนิเกอิ ร่วงลง 2.4% ขณะที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงในวันเดียวมากที่สุดของปี 33.73 จุด หรือ 1.99%
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบโลกได้เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 8 ปี นับตั้งแต่ 2014 หลังราคาน้ำมันดิบสัญญาเบรนท์ได้เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 101.38 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบโลกสัญญาเวสต์เท็กซัส (WTI)เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 96.46 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยผู้ประกอบการประเมินกันว่า ราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับขึ้นทุก 1 ดออลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จะกระทบราคาน้ำมันขายปลีกในไทยลิตรละ 50 สต. ถ้าราคาน้ำมันตลาดโลกทะยานไปถึง 120 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศพุ่งไปถึงลิตรละ 6 บาท
ส่วนสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำวิ่งกระฉูดแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี 5 เดือน โดยขึ้นไปสูงสุดที่ 1,973.96 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา ขณะที่ราคาทองคำแท่งในประเทศไม่น้อยหน้าวิ่งไปแตะที่ 30,000 บาท สูงสุดในรอบ 1 ปี 6 เดือน ส่วนทองรูปพรรณนิวไฮสุด 30,500 บาท
ถามถึงผลกระทบจากประเด็นดังกล่าว จะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากน้อยเพียงใดนั้น หากส่องดูการค้าระหว่างไทย-ยูเครนในปี 64 ไม่ได้มีมากนัก มีมูลค่าเพียง 386.47 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 25.56% เมื่อเทียบกับปี 63 โดยไทยส่งออกไปยังยูเครน มูลค่า 134.76 ล้านเหรียญสหรัฐและนำเข้าจากยูเครน มูลค่า 251.71 ล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนสินค้าที่ไทยส่งออกไปยังยูเครน 5 อันดับแรก คือ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยางผลไม้กระป๋องและแปรรูป อาหารทะเลกระป๋องและแปร รูป เม็ดพลาสติก สินค้าที่ไทยนำเข้าจากยูเครน 5 อันดับแรก คือ พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ไม้ซุง ไม้แปรรูปและผลิตภัณฑ์ แร่และผลิตภัณฑ์จากแร่ สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์
หันมาดูการค้าระหว่างไทย-รัสเซีย ในปีฉลูที่ผ่านมามีมูลค่า 2,780 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 12.84% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยไทยส่งออกไปยังรัสเซีย มูลค่า 1,028 ล้านเหรียญสหรัฐและนำเข้าจากรัสเซีย มูลค่า 1,752 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยสินค้าที่ไทยส่งออกไปยังรัสเซีย 5 อันดับแรก คือ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยางเครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล อากาศยาน ยานอวกาศ และส่วนประกอบ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป
แม้ว่าการค้าของไทยกับ 2 ประเทศจะไม่มากนัก แต่ปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่นำไปสู่ความยืดเยื้อเป็นวงกว้างจะกระทบราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น และจะทำให้อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น ส่งผลต่อราคาสินค้าบริการ ต้นทุนค่าขนส่งดาหน้าปรับเพิ่มขึ้นทำให้ค่าใช้จ่ายครัวเรือนสูงขึ้นเป็นเงาตามตัวจนกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน
ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยต้องเผชิญภาวะชะลอตัวอีกครั้ง จากที่ก่อนหน้านี้ประชาชน ผู้ประกอบการธุรกิจอ่วมกันเป็นทิวแถวจากผลกระทบจากวิกฤติโควิดรายได้ลด การว่างงานเพิ่ม ธุรกิจที่รับภาระขาดทุนไม่ไหวก็ปิดกิจการเป็นจำนวนมากกันไปแล้ว
ดังนั้นต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่าปมขัดแยังครั้งนี้จะรุนแรงและลุกลามไปกว่านี้หรือไม่ เพราะแม้ว่าขณะนี้สหรัฐฯและชาติตะวันตกไม่ได้ใช้กำลังทหารตอบโต้รัสเซีย แค่ประณามและประกาศการคว่ำบาตรเท่านั้น แต่ก็ไม่ควรประมาท หากสถานการณ์กลับทิศทวีความรุนแรงยืดเยื้อจนกระทบการค้าโลกหดตัว โดยเฉพาะสหรัฐฯ กับ ยุโรป ก็มีความเสี่ยงที่จะลามมาสู่เศรษฐกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความหวังที่จะเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ ในปีนี้อาจต้องดับมอดลงอีกครั้ง
ภาพประกอบ พิกซาเบย์
ที่มาข้อมูล : -