ไต้หวันพิจารณาช่วยเหลืออุตสาหกรรมในประเทศ หลังทรัมป์เตือนเรื่องภาษีศุลกากรชิป

รัฐบาลไต้หวันกล่าวในวันนี้ (29 ม.ค.) ว่า จะพิจารณาให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เตือนว่าเขาจะเก็บภาษีศุลกากรกับ’ชิป’ หรือ ‘เซมิคอนดักเตอร์’ ที่ผลิตในต่างประเทศ

ไต้หวันซึ่งถือเป็นผู้เล่นสำคัญในอุตสาหกรรมการผลิตชิป ซึ่งใช้ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ตั้งแต่โทรศัพท์ไอโฟนของแอปเปิล ไปจนถึงฮาร์ดแวร์ปัญญาประดิษฐ์ของ Nvidia และเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไต้หวัน โดยรัฐบาลไต้หวันเผยว่า จะประเมินอย่างเร่งด่วนว่าจำเป็นต้องมีแผนการร่วมมือเพิ่มเติมหรือมาตรการสนับสนุนสำหรับอุตสาหกรรมหรือไม่

 ไต้หวันพิจารณาช่วยเหลืออุตสาหกรรมในประเทศ หลังทรัมป์เตือนเรื่องภาษีศุลกากรชิป

สรุปข่าว

โดนัลด์ ทรัมป์ เคยกล่าวหาว่าไต้หวันขโมยอุตสาหกรรมชิปของสหรัฐฯ พร้อมขู่ว่าจะเก็บภาษีหลายประเทศคู่ค้าสำคัญ เพื่อบังคับให้บริษัทต่าง ๆ ย้ายการผลิตกลับไปยังสหรัฐฯ

ในระหว่างการพูดที่การประชุมของพรรครีพับลิกันในไมอามีเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (27 ม.ค.) ทรัมป์เตือนว่า สหรัฐฯ จะเก็บภาษีสินค้าหลายประเภท รวมถึงเซมิคอนดักเตอร์ที่ผลิตในต่างประเทศ ยา และโลหะ เช่น เหล็ก ในเร็ว ๆ นี้

ภาษีดังกล่าวอาจจะถูกนำมาใช้ในอนาคตอันใกล้ เพื่อนำการผลิตสินค้าจำเป็นเหล่านี้กลับมาที่สหรัฐอเมริกา โดยสิ่งที่กระตุ้น คือ พวกเขาจะไม่อยากจ่ายภาษี 25% 50% หรือแม้กระทั่ง 100%

นอกจากนี้ ทรัมป์เคยวิจารณ์กฎหมาย CHIPS Act ซึ่งเป็นกฎหมายสำคัญที่ผ่านในช่วงการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่มุ่งเสริมอุตสาหกรรมชิปของสหรัฐฯ และลดการพึ่งพาผู้ผลิตจากเอเชีย รวมถึงไต้หวัน สหรัฐฯ ได้ตกลงให้เงินทุนโดยตรงจำนวนสูงถึง 6,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.2 แสนล้านบาท แก่บริษัท TSMC ผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่ของไต้หวัน เพื่อช่วยสร้าง ‘โรงงานที่ทันสมัยในรัฐอาริโซนา’ ตามข้อมูลที่เปิดเผยในเดือนพฤศจิกายน 2024

ข้อตกลงเช่นนี้ยังมีการทำกับผู้ผลิตชิปสหรัฐฯ อย่าง GlobalFoundries, Intel และ SK Hynix จากเกาหลีใต้ ก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่ง โดยเงินทุนดังกล่าวจะเริ่มไหลเข้าหลังจากที่บริษัทบรรลุเป้าหมายสำคัญ

TSMC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถูกกดดันมายาวนานให้ย้ายการผลิตบางส่วนออกจากไต้หวัน ซึ่งมีโรงงานหลักอยู่ที่นั่น

นอกจากนี้ TSMC ยังวางแผนสร้างโรงงานใหม่ในต่างประเทศ รวมถึงสามแห่งที่วางแผนจะสร้างในสหรัฐฯ และหนึ่งแห่งที่เปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้ว

ที่มาข้อมูล : CNA

ที่มารูปภาพ : Reuters