สรุปข่าว
หลายประเทศทั่วโลก ต่างเผชิญกับสถานการณ์คลื่นความร้อนรุนแรงในช่วงนี้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 1,000 ราย โดยเฉพาะ ประเทศอินเดีย อุณหภูมิพุ่งทุบสถิติ 52.3 องศาฯ
เริ่มต้นกันที่ ภูมิภาคเอเชีย ซึ่งพบว่า ประเทศอินเดีย กำลังประสบกับสภาพอากาศร้อนจัดยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ สอดคล้องกับข้อมูลของอุตุนิยมวิทยาท้องถิ่น ที่ระบุว่า กรุงนิวเดลี เมืองหลวง อุณหภูมิเกิน 40 องศาเซลเซียส เป็นเวลาติดต่อกันนาน 38 วัน หรือตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา
ล่าสุด กรมอุตุนิยมวิทยาอินเดีย (IMD) รายงานว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หน่วยงานสามารถวัดอุณหภูมิ 52.3 องศาฯ ได้ที่เมืองมุงเกชปูร์ ที่ตั้งอยู่ในนิวเดลี ซึ่งตัวเลขนี้ทำลายสถิติอากาศร้อนตลอดกาล ที่วัดได้ 51 องศาฯ ในพื้นที่ทะเลทรายของรัฐราชสถาน เมื่อปี 2559
ขณะที่ หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ฮินดูสถาน รายงานโดยอ้างถ้อยแถลงของกระทรวงสาธารณสุขว่า มีประชาชนทั่วประเทศเกือบ 25,000 คน สงสัยว่ามีอาการป่วยเป็นโรคลมแดด หรือฮีตสโตรก
ส่วนพื้นที่ ฉนวนกาซา คลื่นความร้อนที่แผ่ปกคลุม ทำให้ผู้พลัดถิ่นชาวปาเลสไตน์ ประสบวิกฤตสุขภาพรุนแรง อุณหภูมิที่ร้อนจัด ยิ่งซ้ำเติมปัญหาต่างๆ ให้รุนแรงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาแหล่งน้ำปนเปื้อน, อาหารเน่าเสียและยุงระบาด ขณะที่จำนวนผู้ป่วยด้วยโรคท้องร่วง เพิ่มขึ้น 25 เท่าเมื่อเทียบกับหลายปีก่อน
ขณะเดียวกัน หลายประเทศในยุโรป ก็เผชิญกับอุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้นด้วย ซึ่งสื่อท้องถิ่นรายงานว่า มี 8 เมืองในอิตาลี ซึ่งรวมทั้งกรุงโรมและเปรูจา ประกาศเตือนสภาพอากาศร้อนจัดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยคาดว่าอุณหภูมิพุ่งเกิน 40 องศาเซลเซียส
ส่วนในอเมริกาเหนือ คลื่นความร้อนทำให้เกิดไฟป่าเป็นบริเวณกว้างในหลายรัฐภาคตะวันตกของสหรัฐฯ โดยเกิดไฟป่าเกือบ 20 จุดใหญ่อยู่ในขณะนี้
ด้านกระทรวงสาธารณสุขของเม็กซิโก รายงานว่า ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิต 155 ราย เกี่ยวข้องกับอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อสัปดาห์ที่แล้วสัปดาห์เดียวมีผู้เสียชีวิต 30 ราย และอย่างน้อย 2,500 คน ล้มป่วยจากสภาพอากาศร้อน พร้อมประกาศเตือนว่า อุณหภูมิสูงคาดว่าจะยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
ขณะเดียวกัน 4 ประเทศบอลข่าน คือ แอลเบเนีย บอสเนีย มอนเตเนโกร และพื้นที่ชายฝั่งขนาดใหญ่ของโครเอเชีย ก็ประสบปัญหาไฟฟ้าดับพร้อมกันเป็นเวลาหลายชั่วโมง เมื่อวันศุกร์ ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น เนื่องจากคลื่นความร้อนที่เข้าปกคลุมภูมิภาค ทำให้มีความต้องการใช้กระแสไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น
ภาพจาก: รอยเตอร์
ที่มาข้อมูล : -