“มาร์ก คาร์นีย์” นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดา ประกาศจะขจัดอุปสรรคทางการค้าภายในประเทศเพื่อบรรเทาผลกระทบจากมาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐฯ และจะจัดตั้งเขตการค้าเสรีในประเทศภายในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ หลังหารือกับผู้นำรัฐและดินแดนต่าง ๆ
เขาระบุว่า รัฐบาลจะร่างกฎหมายใหม่ภายในวันที่ 1 กรกฎาคม เพื่อให้สินค้าสามารถเคลื่อนย้ายได้ทั่วประเทศโดยไม่มีอุปสรรคใด ๆ ซึ่งเป็นการชดเชยผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ด้วยการขจัดอุปสรรคทางการค้าภายในประเทศเพียงอย่างเดียว
ผู้นำคนใหม่ของแคนาดาอ้างอิงผลวิจัยที่ระบุว่า การขจัดอุปสรรคทางการค้าในประเทศจะช่วยลดต้นทุนลงได้สูงสุดร้อยละ 15 และช่วยขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจเติบโตได้ราวร้อยละ 4-8
สรุปข่าว
โดยมีแนวทางหลัก 3 เรื่องในการดำเนินการ ได้แก่ การประสานกฎระเบียบระหว่างรัฐต่าง ๆ การยอมรับกฎเกณฑ์ร่วมกันของแต่ละรัฐ และการสร้างมาตรฐานระดับชาติร่วมกัน
ที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจเคยวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับอุปสรรคทางการค้าระหว่าง 10 รัฐ และ 3 ดินแดนของแคนาดา รวมถึงกระบวนการอนุมัติที่ใช้เวลานาน ส่งผลให้ต้องใช้เวลาหลายปีในการสร้างและพัฒนาโครงการต่าง ๆ อาทิ เหมืองแร่ ท่อส่งน้ำมัน และโครงการด้านทรัพยากรสำคัญ ๆ
ผู้นำแคนดาให้คำมั่นที่จะทำให้ขั้นตอนการอนุมัติแล้วเสร็จในจุดเดียว เพื่อลดความซ้ำซ้อนและเร่งการอนุมัติโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีศุลกากรในอัตราร้อยละ 25 สำหรับสินค้านำเข้าจากแคนาดา แต่ระงับบางส่วนเป็นเวลา 1 เดือน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 2 เมษายนนี้ และเป็นช่วงเวลาที่สหรัฐฯ จะเริ่มประกาศภาษีตอบโต้ (reciprocal tariff) ที่สหรัฐฯ จะเก็บภาษีในอัตราที่เท่าเทียมกันสำหรับทุกประเทศที่เก็บภาษีจากสหรัฐฯ
ขณะที่แคนาดาส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ มากถึงร้อยละ 75 ของทั้งหมด และแคนาดานำเข้าสินค้าราว 1 ใน 3 ของทั้งหมดจากสหรัฐฯ ส่งผลให้มีควาเปราะบางหากเผชิญกับสงครามการค้าที่ยืดเยื้อกับเพื่อนบ้าน
ที่มาข้อมูล : TNN // www.reuters.com
ที่มารูปภาพ : TNN

อัฏฐวรรณ ลวณางกูร