ภาพรวมของตลาดที่อยู่อาศัย และคาดการณ์แนวโน้มของปี 2568 กันก่อน ข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธ.อ.ส.) ที่รายงานว่า การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย ทั่วประเทศ ปี 2567 ที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งสิ้น 347,799 หน่วย ลดลงร้อยละ 5.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วน มูลค่าการโอนที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ มีมูลค่า 980,648 ล้านบาท คิดเป็น ลดลงร้อยละ 6.3
อย่างไรก็ดี ตลาดที่อยู่อาศัยมีสัญญาณการฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 4 ที่ผ่านมา โดยพบว่า มีการโอนกรรมสิทธิ์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 8 ไตรมาส
การฟื้นตัวดังกล่าว ได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ในการลดค่าธรรมเนียมการโอน และจดจำนอง ที่ลดลง เหลือร้อยละ 0.01 และมีผลกับที่อยู่อาศัยในระดับราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากเดิมกำหนดไว้ไม่เกิน 3 ล้านบาท) โดยจบมาตรการไป เมื่อสิ้นปีที่แล้ว ทำให้มีการเร่งโอนก่อนจะสิ้นสุดมาตรการ โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม ที่มีอัตราการโอนเพิ่มขึ้น
สรุปข่าว
และจากการฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 4 ที่ผ่านมา ทำให้ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ คาดการณ์ว่าปี 2568 นี้ ตลาดที่อยู่อาศัยจะฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ เป็นจำนวน 353,389 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 และมีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทุกประเภท อยู่ที่ประมาณ 994,545 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4
ภายใต้ปัจจัยบวกจากภาวะเศรษฐกิจ ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ และอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ อีกทั้ง คาดการณ์ว่าการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยทั่วประเทศมูลค่า 593,634 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 จากปี 2567
ด้านภาคเอกชน โดย 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร สมาคมอาคารชุดไทย และสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย คาดการณ์ว่า จุดต่ำสุดของภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยน่าจะผ่านไปแล้วในปี 2567 จากที่เห็นสัญญาณเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ยังจำเป็นที่จะต้องมีมาตรการจากภาครัฐ เพื่อเข้ามากระตุ้นการฟื้นตัวต่อเนื่อง
คุณ สุนทร สถาพร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า ปี 2568 ในส่วนของบ้านแนวราบ คาดว่ามีแนวโน้มการเติบโตเป็นบวก โดยจะเติบโตได้ร้อยละ 2.3 จากปีที่แล้ว ซึ่งอ้างอิงจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ไทย และมูลค่าการโอนน่าจะเติบโตได้ราวร้อยละ 1.8 โดยมีแรงหนุนจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงมาตรการภาครัฐ ที่คาดหวังว่าจะเข้ามาเป็นแรงสนับสนุนการเติบโต และหากประกาศออกมาได้เร็ว ก็เชื่อว่าจะยิ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมให้เติบโตสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ได้
ด้านคุณ ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย บอกว่า ไตรมาสแรกของปีนี้ จะเป็นตัวชี้วัดการฟื้นตัวของอสังหาริมทรัพย์ไทย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อยากเห็นก็คือ ยาเร็ว และยาแรง เพื่อต่อลมหายใจให้ตลาดในภาพรวมไม่สะดุดลง และหากออกมาพร้อมกันได้ทั้งสองมาตรการ คือการต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนฯ และผ่อนผัน LTV สำหรับทุกยูนิต ทุกระดับราคา หากออกมาพร้อมกัน เชื่อว่าจะได้เห็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัว และจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ยังน่าเป็นห่วงคือ การปล่อยสินเชื่อบ้านของสถาบันการเงิน ที่ยังเข้มงวด