"เถ้าแก่น้อย" ทำ New High ยอดขาย-กำไร สูงสุดรอบ 20 ปี l การตลาดเงินล้าน

นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสาหร่ายทะเลแปรรูปทั้งในและต่างประเทศ ภายใต้แบรนด์ 'เถ้าแก่น้อย' รวมถึงขนมขบเคี้ยว และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เปิดเผย ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2567 บริษัทมีรายได้จากการขาย 5,712.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.3 เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 5,323.4 ล้านบาท และทำกำไรสุทธิ 836.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.5 เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 743.0 ล้านบาท ทำให้บริษัทเติบโตทั้งด้านยอดขายและกำไรต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน นับจากหลังสถานการณ์โควิด-19 

และเป็นปีที่บริษัทสามารถสร้างสถิติใหม่ หรือ New High ทั้งยอดขายและกำไรสูงที่สุดในรอบ 20 ปี โดยมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ ร้อยละ 14.6 จากปีก่อนหน้าอยู่ที่ร้อยละ 14 แม้มีปัจจัยกดดันจากราคาสาหร่ายงวดใหม่ที่เป็นต้นทุนวัตถุดิบหลักปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นราคาที่สูงที่สุดในรอบ 30 ปี

สรุปข่าว

เปิดแผน "เถ้าแก่น้อย" ทำ New High ยอดขาย-กำไร สูงสุดรอบ 20 ปี แม้มีปัจจัยกดดันจากราคาสาหร่ายงวดใหม่ที่เป็นต้นทุนวัตถุดิบหลักปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นราคาที่สูงที่สุดในรอบ 30 ปี

อย่างไรก็ตามบริษัทได้เดินหน้าบริหารจัดการยอดขาย (Revenue Management) บริหารพอร์ตสินค้าและช่องทางการขาย (Product Mix and Channel Mix) ให้มีประสิทธิภาพ 

(กราฟิก) พร้อมดำเนินการภายใต้นโยบาย 3 GO (GO FIRM, GO BOARD, GO GLOBAL) เน้นสร้างพื้นฐานการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ที่ดี ด้วยบุคคลากรที่มีคุณภาพและความสามารถ ซึ่งช่วยสร้างขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดอันจะส่งผลในระยะยาว สะท้อนออกมาเป็นผลการดำเนินงานที่เติบโตและการทำกำไรที่ดีอย่างยั่งยืน

ขณะเดียวกันยังประสบความสำเร็จจากการทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยมีสัดส่วนรายได้ในประเทศร้อยละ 37 และต่างประเทศ ร้อยละ 63 

ซึ่งตลาดต่างประเทศปี 2567 บริษัทมีรายได้จากการขาย 3,580.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 6.1 เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการส่งออกไปกว่า 40 ประเทศทั่วโลก 

(กราฟิก 2) สำหรับตลาดที่มีอัตราการเติบโตโดดเด่น ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา รวมถึงได้ขยายเข้าไปในตลาดใหม่ ๆ เช่น กลุ่มประเทศยุโรปตะวันตก กลุ่มสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ด้วยการเน้นเจาะตลาด Mainstream ที่เป็นผู้บริโภคท้องถิ่น ผ่านช่องทางห้างสรรพสินค้าและร้านค้าปลีกสมัยใหม่ เช่น Costco, Walmart, Kroger และ ALDI ทำให้สามารถลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงยอดขายจากตลาดจีน และถือเป็นการปรับสมดุลของตลาดจีนที่มีอัตราเติบโตลดลงจากปัจจัยเศรษฐกิจชะลอตัว 

สำหรับตลาดในประเทศ บริษัทมีรายได้จากการขาย 2,131.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.4 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยได้รับผลดีจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณนักท่องเที่ยว ส่งผลบวกให้ธุรกิจในประเทศเติบโตมากขึ้น สะท้อนจากยอดขายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด (MT) รวมถึงจากการออกสินค้าใหม่ ๆ ให้ผู้บริโภคได้ทดลอง และการโปรโมทสินค้าผ่านพันธมิตรต่าง ๆ 

ขณะเดียวกันบริษัทได้จัดกิจกรรมทางการตลาดมุ่งเน้นกลยุทธ์ Idol Marketing โดยให้ 'อุ๋งอิ๋ง เพชรบ้านแพง' ไอดอลขวัญใจชาวอีสาน ดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งวงการหมอลำ มาเป็น Brand Ambassador พร้อมทั้งมีการจัดคอนเสิร์ตในภาคอีสาน เพื่อขยายช่องทางการขายผ่าน Traditional Trade และเจาะกลุ่มผู้บริโภคในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงร่วมมือกับ Influencer - Game Caster ชื่อดัง 'แป้งZBing' ที่มีผู้ติดดตามบนช่องทาง Youtube กว่า 20 ล้านคน

สำหรับ แนวโน้มการดำเนินงานปี 2568 นายอิทธิพัทธ์ คาดว่ารายได้จะเติบโตต่อเนื่อง โดยได้เดินหน้านโยบาย '3GO' โดยเฉพาะ 'GO Broad' หรือการขยายฐานธุรกิจให้กว้างขึ้นและมีคุณค่า ผ่านการพัฒนาสินค้านวัตกรรมกลุ่มใหม่ ๆ (Innovation Food) รวมถึงเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ล่าสุด เปิดตัว wownut ถั่วลายเสือ 

นอกจากนี้ได้มุ่งขยายตลาดต่างประเทศ โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มที่มีศักยภาพ กลุ่มประเทศหลัก เช่น จีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา เวียดนาม เป็นต้น จะทำตลาด ออกแคมเปญโปรโมชันใหม่ ๆ และ Co-Branding กับแบรนด์อื่น ๆ 

และ กลุ่มประเทศใหม่ คือ กลุ่มยุโรปตะวันตก กลุ่มสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ผ่านการขยายช่องทางจัดจำหน่ายที่กว้างขึ้น รวมถึงปรับแพคเกจผลิตภัณฑ์และรสชาติให้เหมาะสมกับพื้นที่นั้น ๆ 

รวมทั้งต้องติดตามราคาวัตถุดิบสาหร่ายฤดูกาลใหม่ ซึ่งคาดว่าราคาจะทยอยปรับลดลงจากปี 2567 แต่ยังคงสูงกว่าปี 2566 อย่างไรก็ตามบริษัทได้เตรียมพร้อมรับมือบริหารจัดการด้วยการติดตามทิศทางราคาวัตถุดิบสาหร่ายอย่างใกล้ชิด และการเจรจากับซัพพลายเออร์หลายรายไว้ล่วงหน้า เพื่อบริหารความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น และการบริหารต้นทุนอื่นให้มีประสิทธิภาพต่อเนื่อง 

ส่วนเรื่องการเลิกขา "ชานมจัสท์ดริ้งค์" คุณปรมินทร์ จาวลา ผู้อำนวยการสายงานการตลาด เถ้าแก่น้อย เปิดเผยสาเหตุว่า ช่วงแรกได้รับการตอบรับที่ดี แต่หลังจากนั้นพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน คนทำธุรกิจก็ต้องยอมรับ และรู้ว่าเมื่อไหร่ต้องหยุด และ หันไปสินค้ากลุ่มอื่นที่เห็นโอกาสมากกว่า 

avatar

Passavee Thi
(passavee_thi)

แท็กบทความ

การตลาดเงินล้าน
เถ้าแก่น้อย
เลิกขายชานมจัสท์ดริ้งค์
ต๊อบอิทธิพัทธ์
อุ๋งอิ๋ง เพชรบ้านแพง