นำ AI เทคโนโลยีอัจฉริยะ สร้างแต้มต่อทำธุรกิจ l การตลาดเงินล้าน

finbiz by ttb แนะธุรกิจ SME นำ AI เทคโนโลยีอัจฉริยะ สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ซึ่ง AI หรือปัญญาประดิษฐ์ จะเข้ามาช่วยให้ธุรกิจ SME ได้เปรียบในการแข่งขันได้อย่างไร

1.การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า AI สามารถช่วยร้านค้า SME วิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อของลูกค้าได้ ทำให้สามารถเสนอโปรโมชันหรือสินค้าที่ตรงกับความต้องการได้ เช่น การใช้เครื่องมืออย่าง Google Trend ที่ SME สามารถเข้าถึงได้ง่ายมาช่วยดูพฤติกรรมลูกค้าในเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย ช่วยให้เข้าใจว่าปัจจุบันลูกค้ากำลังค้นหาอะไร หรือการใช้ AI วิเคราะห์การยิงโฆษณา ซึ่งอาจจะมีค่าใช้จ่ายอยู่บ้าง แต่คุ้มค่ากว่าการส่งออกโฆษณาโดยไม่มีการวิเคราะห์ซึ่งอาจไม่ตรงเป้าหมาย มีสถิติระบุว่า อัตราการคลิกผ่าน (CTR) เพิ่มขึ้น ร้อยละ 11 เมื่อใช้ AI ในแคมเปญโฆษณา และอัตราการแปลง (Conversion Rate) เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.6

2. การบริหารสต็อกสินค้า ปัจจุบันมีแพลตฟอร์มในการบริหารสต็อกสินค้าที่ใช้ AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์จากหลายแบรนด์ให้เลือกใช้โดยสามารถช่วยคาดการณ์ยอดขายและจัดการสต็อกสินค้าได้อย่างแม่นยำ ลดปัญหาของขาดหรือของเหลือ โดย AI เหล่านี้สามารถปรับแต่งได้หลากหลาย เชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูลหลายแหล่ง ช่วยให้การสต็อกสินค้ามีความแม่นยำ ลดปัญหาสินค้าขาดสต็อกได้กว่าร้อยละ 90 ลดการสต็อกสินค้าเกินได้กว่าครึ่ง และช่วยลดเวลาการทำงานของมนุษย์

สรุปข่าว

เมื่อเราเดินทางมาถึงยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำเนินธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ธุรกิจไม่ควรมองข้ามการนำนวัตกรรมและปัญญาประดิษฐ์มาใช้ ซึ่งจะช่วยผู้ประกอบการให้สามารถขับเคลื่อนธุรกิจไปได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น และตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างตรงใจ ตรงจุด finbiz by ttb จะพาไปดูว่า AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ จะเข้ามาช่วยให้ธุรกิจ SME ได้เปรียบในการแข่งขันได้แก่ การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า การบริหารสต็อกสินค้า การบริการลูกค้าอัตโนมัติ AI Chatbot การทำการตลาดและโฆษณาแบบอัจฉริยะ และ ระบบแนะนำสินค้าอัจฉริยะ

3.การบริการลูกค้าอัตโนมัติ AI Chatbot เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ร้านค้าสามารถให้บริการลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง เช่น การใช้ Google Dialogflow หรือ Chatbot ของ LINE OA ที่สามารถตอบคำถามอัตโนมัติและช่วยปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว โดย Chatbot จะมีความเหมือนมนุษย์มากกว่าการใช้ Auto Reply โดยการสร้าง Chatbot ผู้ใช้จะต้องออกแบบคาแรกเตอร์ของบอทตัวนั้น ๆ ด้วย Chatbot ที่มี AI หรือ NLP (Natural Language Processing เทคโนโลยีประมวลผลภาษาธรรมชาติ) สามารถเข้าใจภาษาได้มากกว่า Keyword เช่น ถ้าลูกค้าพิมพ์ "หวัดดี" Chatbot ก็สามารถเรียนรู้ได้ว่า คือ สวัสดี และสามารถโต้ตอบได้เหมือนที่มนุษย์ตอบกัน เพราะ AI มีการเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง Machine Learning แตกต่างจากการทำโปรแกรมแบบเก่าที่ต้องคอยออกคำสั่ง มันจึงเรียนรู้ และฉลาดมากขึ้นได้

4. การทำการตลาดและโฆษณาแบบอัจฉริยะ AI สามารถช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าและเลือกยิงโฆษณาที่เหมาะสมได้แบบอัตโนมัติ เช่น การใช้ฟีเจอร์ Smart Bidding ฟีเจอร์ที่มีให้บริการผ่าน Google Ads และใช้ข้อมูลจากเครื่องมือวัด Conversion ของ Google Ads เพื่อให้ได้รับ Conversion เพิ่มขึ้นโดยลดค่าใช้จ่ายลง ฟีเจอร์จะเก็บข้อมูลนี้ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในการประมูลเพื่อแสดงโฆษณาแต่ละครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงการคลิกที่ไม่มีประโยชน์ หรือพวก Ad Targeting ในเฟซบุ๊กที่ช่วยเลือกกลุ่มเป้าหมายโฆษณาได้อย่างแม่นยำ การใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลและทำนายแนวโน้มยังช่วยให้นักการตลาดสามารถสร้างแคมเปญที่ปรับแต่งเฉพาะบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

และ 5.ระบบแนะนำสินค้าอัจฉริยะ AI สามารถเรียนรู้พฤติกรรมลูกค้าและแนะนำสินค้าที่เหมาะสม เช่น ร้านค้าออนไลน์สามารถใช้ Recommendations AI เพื่อช่วยแนะนำสินค้าบนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของตัวเอง ยกตัวอย่าง Recommendation AI บน Google Cloud ที่ทำงานอย่างไร้รอยต่อกับ Marketing Platform ทำให้สามารถแนะนำสินค้าที่ตรงใจลูกค้าได้มากขึ้น 

ที่มาข้อมูล : finbiz by ttb

ที่มารูปภาพ : finbiz by ttb

avatar

Passavee Thi
(passavee_thi)

แท็กบทความ

การตลาดเงินล้านAI
AI Chatbot
วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า
เทคโนโลยีอัจฉริยะ