สหรัฐฯ แบกหนี้บาน ขาดดุลอ่วม ผลพวงรัฐใช้จ่ายสูง ดอกเบี้ยพุ่ง

กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (18 ต.ค.) ว่าในปีงบประมาณ 2567  สหรัฐฯ ต้องเผชิญกับการขาดดุลงบประมาณมากกว่า 1,833,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการขาดดุลเพิ่มขึ้นราว 138,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือมากกว่าร้อยละ 8 จากปีงบประมาณ 2566 นอกจากนี้ ยังนับเป็นการขาดดุลสูงสุดเป็นอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ด้วย 

โดยสหรัฐฯ เคยขาดดุลงบประมาณสูงที่สุดในปี 2563 และ 2564 ซึ่งในปีดังกล่าว รัฐบาลได้ใช้งบประมาณหลายล้านล้านดอลลาร์ในการใช้จ่ายเพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ทั้งนี้ การขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐฯ เกิดขึ้นแม้สหรัฐฯ จะสามารถจัดเก็บรายได้สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 4,900,000 ล้านดอลลาร์ เพราะตัวเลขดังกล่าว ไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายของรัฐบาลที่สูงถึง 6,750,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลจากหนี้ของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นเป็น 35.7 ล้านล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้น 2,300,000 ล้านดอลลาร์จากสิ้นปีงบประมาณ 2566 ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงเป็นประวัติการณ์เช่นกัน

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้รัฐบาลสหรัฐแบกหนี้สูงขึ้น และเผชิญกับการขาดดุลเพิ่มขึ้น คืออัตราดอกเบี้ยที่ขยับขึ้นมาอยู่ในระดับสูง จากการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ โดยถ้านับเฉพาะดอกเบี้ยจ่ายของรัฐบาลในปีนี้ ก็พบว่ามีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,160,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ยอดดอกเบี้ยจ่ายดังกล่าว พุ่งทะลุระดับล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ