

สรุปข่าว
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้เตรียมมาตรการรองรับการเปิดประเทศวันที่ 1 พ.ย. ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี โดยในส่วนของกระทรวงการคลัง จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือการใช้จ่าย ขณะนี้บางมาตรการกำลังดำเนินการอยู่ ทั้งโครงการคนละครึ่ง และยิ่งใช้ยิ่งได้ ซึ่งเป็นมาตรการที่ออกมาเพื่อช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายให้มีเม็ดเงินสะพัดมากขึ้น ในช่วงต้นไตรมาส 4 ส่วนมาตรการอื่นที่จะออกมาเพิ่มเติมให้รอดูสัปดาห์หน้า
กระทรวงการคลังระบุว่า อยู่ระหว่างเตรียมแพ็กเกจมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปลายปี 64 จนถึงต้นปี 65 ตามโจทย์ รมว.คลัง โดยจะมีมาตรการที่เน้นกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย ให้สอดรับกับสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลาย และรัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์มาอย่างต่อเนื่อง จะเห็นความชัดเจนในช่วงต้นเดือน พ.ย. ทั้งรูปแบบและวงเงินที่จะให้สำหรับการลดหย่อนภาษี ซึ่งต้องรอประเมินสถานการณ์โควิดหลังจากคลายล็อกดาวน์
สำหรับมาตรการที่จะนำมาใช้ เช่น ลดหย่อนภาษี "ช้อปดีมีคืน" ซึ่งภาคเอกชนก็เรียกร้องให้นำกลับมาใช้อีก น่าจะออกมาประมาณช่วงเดือน ธ.ค. และรอบนี้ อาจจะไม่กำหนดให้ผู้ใช้สิทธิ์ต้องเลือก ระหว่างมาตรการช้อปดีมีคืนกับมาตรการคนละครึ่ง เพื่อเปิดทางให้ ผู้เสียภาษีประมาณ 4 ล้านคน สามารถใช้สิทธิ์ได้ทั้งหมด เชื่อว่าจะทำให้ผู้ที่อยู่ในฐานภาษีเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้อาจพิจารณาขยายโครงการคนละครึ่งออกไปอีก หลังจาก จบโครงการสิ้นปีนี้ ซึ่งตอนนี้ทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กำลังพิจารณาในรายละเอียด
ส่วนภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการให้ขยายเวลาลดค่าธรรมเนียมการโอนค่าจดจำนองเหลือ 0.01% ไปอีก 1 ปีคือปี 65 จากเดิมจะสิ้นสุดในปีนี้ กระทรวงการคลังไม่ขัดข้อง รวมถึงเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องให้ขยายเพดานราคาบ้านเป็นไม่เกิน 5 ล้านบาท จากเดิมให้แค่ 3 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ต้องหารือ ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยอีกครั้ง เนื่องจากค่าธรรมเนียมส่วนนี้จะมีผลกระทบต่อรายได้ท้องถิ่น
นอกจากนี้ รมว.คลังได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานไปคิดมาตรการที่จะมอบเป็นของขวัญปีใหม่ เพื่อบรรเทาภาระประชาชน จะเห็นความชัดเจนปลายเดือน พ.ย.เช่นเดียวกัน โดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐน่าจะออกแพ็กเกจเป็นมาตรการช่วยเหลือด้านสินเชื่อ เช่น ชำระดีมีคืน เป็นต้น
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสศช. กล่าวว่า สศช.หารือกับกระทรวงการคลัง เพื่อเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปีนี้ โดยกระทรวงการคลังกำลังทำรายละเอียดมาตรการกลับมาเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองใช้จ่ายเงินกู้ให้เร็วที่สุด ซึ่งเม็ดเงินจาก พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มเติม 5 แสนล้านบาท เพียงพอในการรองรับมาตรการดังกล่าว โดย ข้อมูล ณ วันที่ 11 ต.ค. 64 วงเงินจาก พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มเติม 5 แสนล้านบาท คงเหลือ 355,832 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในส่วนกรอบวงเงิน 170,000 ล้านบาท ที่ ครม.อนุมัติเตรียมไว้จัดทำกรอบแผนงานหรือโครงการภายใต้แผนฟี้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งเป็นวงเงินจาก พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มเติม 5 แสนล้านบาท ขณะนี้ก็ยังไม่ได้ใช้ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้หน่วยงานรัฐ และภาคเอกชนเสนอโครงการเพื่อฟี้นฟูเศรษฐกิจเข้ามาได้
"การพิจารณาโครงการจะแบ่งออกเป็น 2 รอบ ได้แก่ รอบที่ 1 เริ่มประมาณ ต.ค. 2564 กรอบวงเงิน 100,000-120,000 ล้านบาท และรอบที่ 2 จะเริ่ม มี.ค. 2565 กรอบวงเงินประมาณ 50,000-70,000 ล้านบาท เป็นต้น"
ที่มา : IQ ,กระทรวงการคลัง
ภาพประกอบ :กระทรวงการคลัง
ที่มาข้อมูล : -