หุ้นไทยพลิกปิดบวก 6.23 จุด แต่ยังไม่มีปัจจัยใหม่มาหนุน-กดดัน

หุ้นไทยพลิกปิดบวก 6.23 จุด แต่ยังไม่มีปัจจัยใหม่มาหนุน-กดดัน

สรุปข่าว

วันนี้ (10ก.ย.64 ) ดัชนีหุ้นไทย ปิดตลาดปรับตัวขึ้น 6.23 จุด หรือ 0.38% มาอยู่ที่ระดับ 1,635.35 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 92,032.41ล้านบาท โดยระหว่างวัน ดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุด1,639.65จุด และปรับตัวลงต่ำสุด1,620.58 จุด


โดยนักวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ไม่มีปัจจัยสนับสนุนและปัจจัยกดดัน เป็นการหมุนเวียนการเข้ามาเล่นหุ้น laggard เช่น กลุ่มเดินเรือ กลุ่มส่งออก หลังจากที่ก่อนหน้าเล่นกลุ่ม Reopening โดยในตลาดหุ้นไทยช่วงท้ายตลาดดีดตัวขึ้นแรงตามตลาดหุ้นภูมิภาค หลังจากมีกระแสข่าวนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐยกหุคุยกับนายสีจิ้นผิ้ง ประธานาธิบดีของจีน ซึ่งตีความเชิงบวกว่าจะมีการพูดคุยกันถึงเรื่อง Trade War แต่กสิกรไทยเชื่อว่าอาจเป็นเรื่องอื่นมากกว่า

โดยให้ติดตามตลาดหุ้นในเดือน ก.ย.คาดจะแกว่งในกรอบ 1,610 - 1,660 จุด โดยจากที่ตลาดเด้งขึ้นในช่วงท้ายตลาดคาดว่าตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้าจะปรับตัวขึ้นต่อ ก็เป็นโอกาสขายทำกำไรออกมา ให้กรอบแนวรับสัปดาห์หน้า 1,610, 1,630 จุด

นอกจากนี้ ตลาดยังให้ความสำคัญกับปัจจัยการเมืองหลังจากที่ถอดถอน 2 รัฐมนตรี ว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ หรือมีการจัดตั้งพรรคใหม่ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ ก็ติดตามการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) โดยในส่วนธนาคารกลางยุโรป (ECB) และ ธนาคารกลางอังกฤษ ปรับลดสภาพคล่อง และมีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยในปี 2565-2566 ซึ่งตลาดหุ้นไม่น่าจะตอบรับ


ด้าน บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า กรณีมติการประชุม ECB ให้คงดอกเบี้ย เมื่อคืนที่ผ่านมา ECB มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ -0.50% ขณะเดียวกันก็คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%และปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจขึ้น อย่างไรก็ดี ECB มีมุมองเชิงบวกต่อภาพเศรษฐกิจ และมีโอกาสฟื้นตัวได้เร็วกว่าคาด 

โดยในระยะกลาง-ยาว ตลาดหุ้นไทยอาจโดนผลกระทบเชิงลบ แต่ไม่มากนัก ผลกระทบจากสภาพคล่องในระบบที่ลดลง น่าจะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดหุ้น U.S. และ Eurozone โดยตรง เนื่องจากเป็นตลาดที่ Outperform (ปรับตัวขึ้น +73.5% และ +70.5% ตามลำดับ ในช่วง 16 มี.ค. – ปัจจุบัน) ได้ประโยชน์จากสภาพคล่องโดยตรง ในทางกลับกันสำหรับตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงตลาดหุ้นไทย อาจโดนผลเชิงลบจำกัดเนื่องจากเป็นหนึ่งในตลาดที่แทบไม่ได้อานิสงค์บวกจากสภาพคล่องดังกล่าว (นักลงทุนต่างชาติ Net ขาย) และเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว เศรษฐกิจเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัว จากสถานการณ์ COVID-19 ที่ดีขึ้น และความคาดหวังการเปิดประเทศ


สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่          

1.ADVANC   มูลค่าการซื้อขาย  4,132.22  ล้านบาท  ปิดที่ 190.00 บาท  ลดลง  1.00 บาท

2.GULF     มูลค่าการซื้อขาย  4,123.81  ล้านบาท  ปิดที่  41.25 บาท เพิ่มขึ้น  0.25 บาท

3.INTUCH   มูลค่าการซื้อขาย  3,779.94  ล้านบาท  ปิดที่  82.50 บาท  ลดลง  2.25 บาท

4.CPALL    มูลค่าการซื้อขาย  2,589.32  ล้านบาท  ปิดที่  61.75 บาท  ลดลง  0.25 บาท

5.AOT      มูลค่าการซื้อขาย  2,550.11  ล้านบาท  ปิดที่  60.75 บาท  ลดลง  1.00 บาท


หุ้นไทยพลิกปิดบวก 6.23 จุด แต่ยังไม่มีปัจจัยใหม่มาหนุน-กดดัน

ที่มาข้อมูล : -

ที่มารูปภาพ :

แท็กบทความ