นักวิเคราะห์ชี้ ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัว แต่ต้องยืนเหนือ 1,200 จุดให้ได้ จับตา 2 เม.ย. ปัจจัยชี้ชะตาสงครามการค้า แนะกลยุทธ์ลงทุนเดือน เม.ย. เน้นหุ้นพื้นฐานดีในกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และอสังหาฯ
ตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่องในช่วงต้นปี ทำให้เกิดคำถามว่าตลาดหุ้นไทยได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วหรือยัง และจะมีสัญญาณการกลับตัวเกิดขึ้นเมื่อใดกันแน่
คุณณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์ในรายการ WEALTH LIVE ว่า ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสที่จะผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่ต้องรอวันที่ 2 เมษายน ซึ่งเป็นวันที่สหรัฐฯ จะประกาศมาตรการภาษีการค้า เพื่อประเมินผลกระทบอีกครั้ง
สรุปข่าว
"ถ้าวันที่ 2 เมษายนมีความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องของภาษีการค้า ไม่ว่าจะโดนจัดเก็บเท่าไหร่ เราคิดว่าอย่างแย่เลยเนี่ย ถ้าเราโดนจัดเก็บประมาณ 5% ตลาดก็น่าจะ price in ไปหมดแล้ว น่าจะ buy on fact กลับขึ้นมา แต่ถ้าเกิดโดนน้อยกว่านั้นเนี่ย ตลาดก็จะเด้งแรง แต่ถ้าเกิดโดนมากกว่าที่ตลาดคิดไว้ ก็ตลาดอาจจะถอยลงต่อ" คุณณัฐพลกล่าว
อย่างไรก็ตาม คุณณัฐพลมองว่า โอกาสที่ตลาดจะปรับตัวลงต่อมีน้อยกว่าโอกาสที่จะฟื้นตัว ดังนั้นจึงเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่ก็ต้องเผื่อความระมัดระวังไว้บ้าง เพราะในช่วงตลาดขาลงนั้นยากที่จะวางใจได้
ในด้านเทคนิค คุณณัฐพลชี้ว่า ตลาดหุ้นไทยได้เบรกแนวต้านสำคัญขึ้นมาได้แล้ว แต่ยังไม่สามารถยืนเหนือ 1,200 จุดได้ หากยืนได้จะทำให้จังหวะการฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้น
กลยุทธ์การลงทุนเดือนเมษายน
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในเดือนเมษายน คุณณัฐพลแนะนำว่า ให้เน้นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/2567 ที่ดี โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และอสังหาริมทรัพย์
"เดือนเมษายนเป็นเดือนที่บริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ จะขึ้น XD เยอะ และจะเริ่มจ่ายปันผลออกมาในเดือนพฤษภาคม ทำให้ถูกกระทบ 2 เดือน แต่รอบนี้ผมเชื่อว่าเดือนเมษายนมีหลายประเด็นที่น่าสนใจ ทั้งความชัดเจนเรื่องสงครามการค้า และกองทุนไทย ESG" คุณณัฐพลกล่าว
นอกจากนี้ คุณณัฐพลยังมองว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลน่าจะเริ่มเห็นผลมากขึ้น หลังจากที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจจบลง ทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณต่างๆ เร่งตัวขึ้น และมาตรการสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ เริ่มมีผลบังคับใช้
ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระวัง
อย่างไรก็ตาม คุณณัฐพลยังเตือนถึงปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระวัง โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างประเทศที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันและเงินเฟ้อ รวมถึงความล่าช้าในการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
หุ้นแนะนำ
- กลุ่มพลังงาน: ปตท.สผ. (PTTEP), ไทยออยล์ (TOP)
- กลุ่มปิโตรเคมี: (PTTGC)
- กลุ่มอสังหาริมทรัพย์: ศุภาลัย (SPALI), แสนสิริ (SIRI), เอพี (AP)
- กลุ่มค้าปลีก: ซีพีออลล์ (CPALL), ซีพี แอ็กซ์ตร้า (CPAXT)
ทองคำ
ส่วนราคาทองคำ คุณณัฐพลมองว่า ทิศทางยังเป็นขาขึ้น แต่เริ่มเห็นสัญญาณการขายทำกำไร จึงแนะนำให้รอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมา หรือรอให้เบรกแนวต้านสำคัญขึ้นไป
ที่มาข้อมูล : คุณณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด
ที่มารูปภาพ : รายการ WEALTH LIVE วันที่ 21 มีนาคม 2568

ยุรพงษ์ ปุณยพรรัตน์