

สรุปข่าว
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้ คาดว่าพักฐาน เป็นผลมาจากการระบาดโควิดคลัสเตอร์ใหม่ใจกลางกรุง แต่การที่่กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF ปรับจีดีพีโลกขึ้นเติบโต 6% จากเดิมคาดว่าโต 5.5% และปี 65 โต 4.4% จากเดิมโต 4.2% ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐคาดว่าจะผ่านสภา 2 ใน 3 อาจจะเป็นปัจจัยหนุนหุ้นโลกและช่วยให้หุ้นไทยไม่ปรับตัวลงแรง
สำหรับความกังวลต่อสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศกลับมากดดันดัชนีหุ้นไทย หลังจากยอดผู้ติดเชื้อกลับมาเร่งตัวขึ้น หลังจากรัฐเปิดให้มี การเดินทางและท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์ซึ่งการระบาดในระลอกนี้ เนื่องจากไม่หยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งระบบ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้างยังจำกัด แต่จะเป็น Sentiment เชิงลบต่อกลุ่มท่องเที่ยวและร้านอาหาร ซึ่งเป็นกลุ่มที่ราคาหุ้นปรับขึ้นมาเร็วและผลประกอบการ 1064 ยังไม่ดีมากนัก รวมไปถึงหุ้นขนาดเล็กหลายตัวที่ราคาปรับขึ้นเกินปัจจัยพื้นฐาน คาดว่าการแพร่ระบาดโควิดจะกระทบต่อตลาดในช่วงสั้น เพราะการจ่ายวัคซีนทำได้เร็วขึ้น ความรุนแรงของโรคเริ่มลดลง และสาธารณสุขไทยมีประสบการณ์ในการควบคุมโรค ส่วนจีดีพีไทยมองว่าจะเติบโต 3.2-3.4% และรัฐบาลอยากเห็น 4% มีโอกาสที่เป็นไปได้จากที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่อง
ส่วนหุ้นที่คาดว่าได้ประโยชน์จาก COVID-19 ระบาดคือ STGT, AJ ส่วนหุ้นที่ผลประกอบการ 1064 จะออกมาดี หรือมีปั่นผล แต่ราคายัง Laggard ซึ่งคาดว่าจะ Outperform ตลาดได้ในระยะสั้นนี้ เช่นINTUCH, IRPC, SCC, SPALI, LH, PRM, AUCT,TFG ประเมินกรอบการเคลื่อนไหววันที่ 7 เม.ย.ที่ระดับ 1,550-1,570 จุด
ที่มาข้อมูล : -