
ปิดเกม “มินนี่” โดนรวบรอบสอง เมื่อเทคนิคเปลี่ยนโดเมนสับขาหลอก ตบตาจนท. ไม่ได้ผลอีกต่อไป
คดีการจับกุม "มินนี่" ผู้ต้องหาสำคัญในขบวนการเว็บพนันออนไลน์สะท้อนถึงปัญหาการขยายตัวของเว็บพนันในไทย แม้จะมีการปราบปรามจากเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง การฟอกเงินยังคงดำเนินการในระบบ พร้อมทั้งพบการกระทำผิดซ้ำจากกลุ่มแก๊งเว็บพนันที่ถูกดำเนินคดีมาก่อนหน้านี้
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้เข้าจับกุม "มินนี่" พร้อมพวกรวม 10 ราย ฐานเปิดเว็บพนันออนไลน์ผิดกฎหมาย 7 เว็บไซต์ ที่มีเงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาท
ผู้ต้องหาถูกตั้งข้อหา จัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์, สมคบฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน โดยในจำนวนนี้ 7 ราย เป็นระดับผู้บริหาร ซึ่งเคยถูกดำเนินคดีมาก่อน แต่กลับมากระทำผิดซ้ำ
การจับกุมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังตำรวจตรวจสอบพบว่าเครือข่ายของ "มินนี่" ยังคงเปิดให้บริการเว็บพนันออนไลน์ โดยใช้ เทคนิคเปลี่ยนชื่อโดเมน เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ และที่น่าตกใจคือ มีการ ถอนเงินจากบัญชีพนันออนไลน์ ขณะที่ "มินนี่" ไปรายงานตัวที่ศาลในคดีเดิม
คดีนี้สร้างแรงกระเพื่อม สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเว็บพนันออนไลน์ที่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าทางการจะเร่งปราบปรามก็ตาม

สรุปข่าว
ย้อนรอยคดี "มินนี่" จากปี 2566 สู่การถูกจับกุมซ้ำในปี 2568
วันที่ 28 กรกฎาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์เข้าจับกุม “มินนี่” เป็นครั้งแรก ในข้อหาจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์และฟอกเงิน หลังจากสืบสวนพบว่าเครือข่ายของเธอเปิดให้บริการเว็บพนันผิดกฎหมาย
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้า ตรวจค้นบ้านพักและสถานที่เกี่ยวข้อง ตำรวจสามารถ ยึดของกลางจำนวนมาก ได้แก่ สมุดบัญชีธนาคารกว่า 100 รายการ, เงินสดมูลค่า 920,000 บาท, โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ที่ใช้ดำเนินการเว็บพนัน พร้อมด้วยเครื่องรับส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตหลายรายการ นอกจากนี้ยังพบตรวจสอบพบ เงินหมุนเวียนในบัญชีมากกว่า 100 ล้านบาท
เปิดเทคนิคสับขาหลอก เปลี่ยนชื่อโดเมน หลบเลี่ยงเจ้าหน้าที่
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่าเครือข่ายของ "มินนี่" มีการ เปิดเว็บพนันออนไลน์อย่างน้อย 7 เว็บไซต์ ได้แก่ หนึ่งในวิธีที่ทำให้เครือข่ายนี้สามารถ เปิดเว็บพนันได้ต่อเนื่องแม้ถูกจับกุมแล้ว คือการใช้กลยุทธ์ เปลี่ยนชื่อโดเมนและโอนถ่ายลูกค้าไปยังเว็บไซต์ใหม่ เพื่อให้การดำเนินงานไม่สะดุด ทำให้ยากต่อการสอบสวน
แต่กรณีนี้ได้สืบสวนธุรกรรมทางการเงินจนเชื่อมโยงถึงตัวผู้กระทำผิด 33 ราย โดยเฉพาะ 7 รายที่เป็นกลุ่มเดิม ซึ่งเป็นผู้บริหารเว็บไซต์ ทั้งบริหารการเงิน บริหารบัญชีม้า และกลุ่มผู้รับผลประโยชน์ ยืนยันว่าการกระทำผิดครั้งนี้เป็นการกระทำผิดครั้งใหม่ แต่เพียงมีการใช้รูปแบบและวิธีการเดิม
ในส่วนของ น.ส.ธันยนันท์ ตรวจสอบพบการกระทำผิดตั้งแต่ปี 2567 ถึงปัจจุบัน มีเงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาท และยังหมุนเวียนเป็นเงินไทยวนอยู่ในกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 33 คน
คดีนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของเว็บพนันออนไลน์ที่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แม้ว่ารัฐจะมีการเร่งปราบปรามก็ตาม เว็บพนันออนไลน์ยังคงเป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทย โดยมีการฟอกเงินในระบบ ผู้ต้องหาหลายคนเป็นผู้กระทำผิดซ้ำ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากฎหมายและบทลงโทษอาจยังไม่เพียงพอหรือเข้มงวดพอในการควบคุมปัญหาดังกล่าว.
ที่มาข้อมูล : รวบรวมโดย TNN
ที่มารูปภาพ : TNN

Chayapha Pakdeesri
(Chayapha)