
นายกฯ ลุยภาคใต้ วางรากฐานพัฒนาเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวครบวงจร
การลงพื้นที่จังหวัดสงขลาและพัทลุงของนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร และคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญที่รัฐบาลได้รับฟังปัญหาและความต้องการของประชาชนในพื้นที่โดยตรง พร้อมวางแนวทางการพัฒนาที่ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
ทะเลน้อย ขุมทรัพย์ทางธรรมชาติที่รอการพัฒนา
ทะเลน้อย จังหวัดพัทลุง เป็นจุดแรกที่นายกรัฐมนตรีเลือกลงพื้นที่ ด้วยความสำคัญในฐานะพื้นที่ชุ่มน้ำระดับโลกแห่งแรกของไทย ครอบคลุมพื้นที่กว่า 285,625 ไร่ ใน 3 จังหวัด ที่นี่เป็นบ้านของนกกว่า 223 ชนิด และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 9 ชนิด นายกรัฐมนตรีได้พบปะกับชาวบ้านและเกษตรกรผู้เลี้ยงควาย พร้อมรับฟังแนวทางการจัดการวัชพืชในพื้นที่ โดยเสนอให้นำวัชพืชมาทำปุ๋ยและปรับปรุงพื้นที่ เพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
อุตสาหกรรมประมง ก้าวใหม่สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
ในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมบริษัท ไทยยูเนี่ยน ซีฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกอาหารทะเลรายใหญ่ของประเทศ ที่นี่ได้นำเสนอปัญหาสำคัญ 3 ประการของอุตสาหกรรมประมง ได้แก่ การขาดแคลนสายพันธุ์ การระบาดของโรค และการเข้าถึงสินเชื่อของเกษตรกร นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการถ่ายทอดองค์ความรู้จากภาคเอกชนสู่ชุมชน พร้อมผลักดันการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรปและประเทศคู่ค้า เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าให้ผู้ประกอบการไทย

สรุปข่าว
เมืองเก่าสงขลา การฟื้นฟูมรดกวัฒนธรรมสู่การท่องเที่ยวระดับโลก
จุดหมายสุดท้ายคือย่านเมืองเก่าสงขลา แหล่งรวมวัฒนธรรมพหุวัฒนธรรมที่ผสมผสานระหว่างไทย จีน และมุสลิม นายกรัฐมนตรีได้ประกาศแผนการพัฒนาสงขลาให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเล เชื่อมโยงกับจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญอื่นๆ เช่น ภูเก็ต ความสำเร็จเบื้องต้นเห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเป็น 7 ล้านคนในปี 2567 สร้างรายได้มากกว่า 50,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.81 จากปีก่อน
รัฐบาลมีแผนปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัย พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และเพิ่มความปลอดภัยในแหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะการติดตั้งไฟส่องสว่างและระบบแจ้งเตือนภัย เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ
แผนการพัฒนาระยะยาว มุ่งสู่อนาคตที่ยั่งยืน
การลงพื้นที่ครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นวิสัยทัศน์ของรัฐบาลในการพัฒนาภาคใต้อย่างรอบด้าน โดยให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ เอกชน และชุมชนท้องถิ่น นายกรัฐมนตรียังเน้นย้ำว่า "ความอยู่ดีกินดีของประชาชนเป็นส่วนสำคัญที่สุดของรัฐบาล" และ "หากประชาชนรวย รัฐบาลก็แข็งแรง ประเทศก็แข็งแรงไปด้วย"
การผสมผสานระหว่างการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การพัฒนาอุตสาหกรรม และการส่งเสริมการท่องเที่ยว จะช่วยวางรากฐานที่มั่นคงให้กับเศรษฐกิจภาคใต้ในระยะยาว โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุนทั้งด้านนโยบาย งบประมาณ และการแก้ไขอุปสรรคต่างๆ เพื่อให้การพัฒนาเป็นไปอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน