ตัดไฟ 5 จุดเมียนมา ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้จริงหรือไม่? ปฏิบัติการครั้งนี้ทำไปเพื่ออะไร เดี๋ยวสรุปให้ฟัง
ไม่รู้เพราะความเกรงใจ หรือ เห็นความเดือดร้อนของประชาชนไม่ชัดเจนมากพอ หลังเกิดภาพการโยนไป โยนมา ของ 2 หน่วยงานไทย ฝ่ายหนึ่งขายไฟ อีกฝ่ายดูแลงานด้านความมั่นคง รับผิดชอบโดยตรงแต่ไม่สามารถตัดการจ่ายกระแสไฟฟ้า ที่ไทย ขายไปให้กับคู่สัญญาฝั่งเมียนมา ที่พัวพันกับฐานที่ตั้งของ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้
ร้อนถึง รมว.ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ รมว.กลาโหม ประกาศเลยว่า ต้องตัดไฟทันที เพราะสร้างผลกระทบต่อคนไทยอย่างใหญ่หลวง ใครทำไม่ได้ จะขอยืมตัวมาช่วยราชการหน่อย ก่อน คำประกาศิตของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร จะประกาศคำสั่งชัดเจน กลางที่ประชุม ครม. ว่า ให้ดำเนินการตัดไฟทันที ในเวลา 9 โมง ของ 5 ก.พ. 2568 ซึ่งก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อยย ตัดไฟใน 5 จุดเมียนมาสำเร็จ ซึ่งปฏิบัตินี้เป็นที่น่าสังเกตว่า มันเกิดขึ้นหลัง นายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมด้วย นายอู๋ จื้ออู่ อัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย พร้อมคณะ เดินทางมาที่ศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อร่วมหารือกันเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์บริเวณแนวชายแดนไทยเมียนมา และประชาชนส่วนหนึ่งยังคงตั้งคำถามว่า การตัดไฟ 5 จุดเพียงแค่นี้ จะสร้างผลกระทบให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์มากมายแค่ไหน? เพราะกระแสข่าวว่าฝั่งเมียนมา ได้ดำเนินการเตรียม เครื่องปั่นไฟ เอาไว้ใช้เรียบร้อยแล้ว
สรุปข่าว
มาตรการตัดไฟ ทำไปเพื่ออะไร?
รองเป็นไท พ.ต.ท. วสุเทพ ใจอินทร์
รองผู้กำกับสายตรวจ กองบัญชาการตำรวจนครบาล หน่วยวัคซีนไซเบอร์ ให้สัมภาษณ์กับ TNN online เอาไว้แบบนี้
" มาตรการตัดไฟ 5 จุดเมียนมา คือการตัดโอกาสในการทำความผิดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อกดดันให้พวกมันมีการทำงานยากขึ้น เพราะชาวบ้านในพื้นที่เดือดร้อนไปด้วย สุดท้ายก็ต้องย้ายฐาน บางส่วนไปชายแดนนอกประเทศ ก็เสี่ยงต่อการถูกจับกุมได้ง่ายขึ้น ถามว่ามันจะหยุดทำเลยไหมไม่หรอก
เดี๋ยวมันก็ย้ายฐาน หาการผลิตไฟใหม่ๆ เช่น เครื่องปั่นไฟ ใช้โซลาร์เซลล์ แต่เป็นการประกาศว่า จะมาหลอกลวงคนไทย ไม่ง่ายแล้วนะ ดีกว่าเราไม่ทำอะไรเลย...."
ตำรวจไทยรู้แหล่งรังกบดาน แต่ไม่สามารถข้ามฝั่งไปจับคนร้ายได้เพราะ?
อำนาจอธิปไตยของแต่ละประเทศ แทรกแซงกันไม่ได้ เราร่วมมือกันได้ อย่างจีนส่งผู้ช่วย รมว.มาให้คำแนะนำทำได้ แต่สั่งเราไม่ได้ ส่วนเมียนมา จริงๆรัฐบาลเขาประสานความร่วมมือกับเราตลอด แต่การเมืองภายในบ้านเขาไม่สงบ จึงจัดการไม่สำเร็จ แต่อนาคตเขาอาจจะโดนแบบเราก็ได้ เพราะเมื่อก่อนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เคยมาตั้งฐานในประเทศไทย และ โทรไปหลอกคนไต้หวัน เราก็เคยช่วยไต้หวันปราบมาแล้ว จนปัจจุบันกลายเป็นบ้านเราโดนหลอกเอง
เพราะฉะนั้นอนาคต เมียนมาเองก็อาจจะโดนเหมือนกัน ดังนั้นก็ต้องร่วมมือกัน เราก็ทำในส่วนที่เราทำได้
" เรื่องอาชญากรรมไซเบอร์ อย่างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถูกพูดบนเวที WEF ด้วยว่า นี่คือสงครามทางเทคโนโลยีที่จะอยู่กับมนุษย์โลกไปอีก 10 ปี
เพราะเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป โจรปรับตัวตลอดเพื่อหาทางหลอก สิ่งสำคัญที่สุดจึงเป็นภูมิความรู้ ที่เราต้องเท่าทัน ตอนนี้ตำรวจเราเน้นให้ความรู้ประชาชน เพราะถ้าโดนหลอกไปแล้ว ถึงจับตัวคนร้ายได้ เขาก็ไม่ได้เงินคืน "
สุดท้ายนี้ต้องรู้ให้เท่าทัน ปัจจุบันรูปแบบยอดฮิต มิจฉาชีพแก๊งคอลเซนเตอร์ 3 แบบหลัก
1.แอปเงินกู้นอกระบบ เข้าไปกู้เงินและโดนหลอกต่างๆ
2.แอปการพนัน เกมแจกเงิน เช่น Jagat แจกตอนแรกจริง หลังๆจะเสีย เป็นกลโกงจากพนัน
3.การลงทุน หรือ การทำงานพิเศษ เช่น แอดมิน ดูวิดีโอ กดไลค์ กดแชร์ เป็นช่องทางที่จะทำให้แก๊งติดต่อประชาชนเพื่อมาหลอกได้
" ...สุดท้ายอยากให้ทุกคนให้กำลังใจตำรวจ และ หน่วยงานภาครัฐต่างๆ การตัดไฟเป็นหนึ่งในปฏิบัติการจำเป็น เพื่อกดดันและเราต้องทำ ตอนนี้เรากำลังมาถูกทาง และทุกๆองคาพยพเราพร้อมแล้วที่จะร่วมมือกันต่อสู้ แต่นี่เป็นสงครามที่คนไทยทุกคนต้องช่วยกัน อยากฝากถึงใครที่กำลังช่วยเขาเหล่านั้น ให้หยุดเถอะครับ มันยิ่งทำให้เศรษฐกิจบ้านเราไม่ดี คุณได้เงินไปคุณก็ไม่สบายใจ สู้เราร่วมมือกันปกป้องประเทศ ให้หมดปัญหาจากมิจฉาชีพ ทุกคนก็จะอยู่อย่างมีความสุข นักลงทุน นักท่องเที่ยว ก็จะกลับเข้ามา ..."
ที่มาข้อมูล : สัมภาษณ์พิเศษ
ที่มารูปภาพ : Police TV TNN