
โอเพ่นเทค (OPEN-TEC; Tech Knowledge Sharing Platform) ภายใต้บริษัท ทีซีซี เทคโนโลยี กรุ๊ป (TCC TECHNOLOGY GROUP) เผยแพร่บทความเจาะลึกบทบาทของปัญญาประดิษฐ์ (AI), อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) และเทคโนโลยีขั้นสูงอื่น ๆ ในการส่งเสริมความยั่งยืน การบริหารจัดการพลังงาน และโซลูชั่นทางเทคนิคแบบบูรณาการเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายของเมืองยุคใหม่ ภายใต้แนวคิดการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ที่ผสมผสานเทคโนโลยีและความยั่งยืนเข้าด้วยกันเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพและน่าอยู่มากขึ้น

สรุปข่าว
AI กับความยั่งยืนในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ
เทคโนโลยี AI และ IoT เข้ามามีบทบาทสำคัญในเป้าหมายระดับโลกเพื่อสร้างการวางผังเมืองภายใต้เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ซึ่งเน้นการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และจัดหาพลังงานหมุนเวียนเข้าสู่เขตเมืองและแนวทางการก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยกตัวอย่างเช่น
- กรุงโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นเมืองที่ปลอดคาร์บอนภายในปี 2025 โดยใช้พลังงานลมและระบบทำความร้อนจากศูนย์กลาง (Copenhagen Green City Plan, 2021)
- กรุงโซล เกาหลีใต้ พัฒนาถังขยะอัจฉริยะ ที่จะแจ้งเตือนทีมเก็บขยะเมื่อขยะเต็ม ช่วยลดการเดินทางที่ไม่จำเป็นและลดการปล่อยมลพิษ (Korean Urban Technology Report, 2022)
- สิงคโปร์ จัดทำแผนสีเขียว 2030 ซึ่งมุ่งเน้นไปที่อาคารที่ประหยัดพลังงานและการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน (Singapore Government Green Plan, 2021)
- กรุงเทพฯ ประเทศไทย One Bangkok (OBK) ได้นำ AI และ IoT จัดการพลังงานอัจฉริยะ การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ และพื้นที่สีเขียวเพื่อส่งเสริมความยั่งยืน (One Bangkok Smart & Sustainable Development Report, 2024)โดยได้รับการรับรองจาก LEED for Neighborhood Development (LEED-ND) Platinum
โดย AI สามารถช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจที่ดีขึ้นในด้านการจัดการพลังงาน ระบบอัตโนมัติในอาคาร และการตรวจสอบสภาพแวดล้อม นอกจากนี้ อีกหนึ่งบทบาทสำคัญอย่าง การผสมผสานการทำงานให้เข้ากับอุปกรณ์ IoT ก็มีส่วนช่วยในการรวบรวมข้อมูล เช่น คุณภาพอากาศ การใช้พลังงานเพื่อใช้ในการปรับปรุงระบบ คาดการณ์ความต้องการบำรุงรักษาของเมืองหรือสิ่งปลูกสร้าง
AI กับความท้าทายในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ
อย่างไรก็ตาม อุปสรรคการเปลี่ยนแปลงสู่เมืองอัจฉริยะมาจากหลายปัจจัย เช่น การบกพร่องในการปฏิบัติตามมาตรฐานระดับโลกในการดำเนินอุตสาหกรรม และความซับซ้อนในการผสมผสาน AI ให้เข้ากับโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ ดังนั้น การสร้างมาตรฐานทางเทคโนโลยีให้สอดคล้องกันในแต่ละอุตสาหกรรมนั้นยังคงเป็นความท้าทาย ซึ่งการแก้ไขปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องมีการฝึกอบรมและการวิจัย เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับบุคลากรสำหรับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ
ในมุมมองของ OPEN-TEC นั้นเชื่อว่า ความร่วมมือระหว่างอุตสาหกรรม สถาบันการศึกษา และองค์กรวิชาชีพ ถือเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะให้ประสบความสำเร็จ แม้ว่าเทคโนโลยีจะมีอยู่แล้ว แต่ประสิทธิภาพของเทคโนโลยีนั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้เชี่ยวชาญที่สามารถเชื่อมโยงความรู้ทางเทคนิคเข้ากับการใช้งานจริงด้วยเช่นกัน
ซึ่งถ้าสามารถก้าวข้ามอุปสรรคได้ เทคโนโลยีเหล่านี้จะเปิดโอกาสให้ธุรกิจอีกมาก ตั้งแต่การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ไปจนถึง การสร้างสภาพแวดล้อมการอยู่อาศัยที่ดีต่อสุขภาพ โดย AI นั้นจะสามารถช่วยพัฒนาเมืองได้โดยการวิเคราะห์รูปแบบการจราจร ความปลอดภัยสาธารณะ และการจัดสรรทรัพยากรซึ่งสามารถเป็นต้นแบบให้กับศูนย์กลางเมืองอื่นๆ ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสู่แนวคิดเมืองอัจฉริยะได้ในอนาคต
ที่มาข้อมูล : OPEN-TEC (Tech Knowledge Sharing Platform)
ที่มารูปภาพ : OPEN-TEC (Tech Knowledge Sharing Platform)

Thanaboon Soasawang
(Thanaboon Soasawang)