
นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม พันตำรวจตรียุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ร่วมกันลงพื้นที่สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง
โดยการลงพื้นที่ในครั้งนี้สืบเนื่องจากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษร่วมกับกรมศุลกากรและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันตรวจยึดสินค้าผ่านแดนในตู้สินค้า 4 ตู้ โดยตรวจพบบุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้ง รวมทั้งสิ้น 121,490 ชิ้น คิดเป็นมูลค่า 21,868,200 บาท อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และเป็นของต้องห้ามตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง สินค้าต้องห้ามนำผ่านราชอาณาจักร พ.ศ. 2559 ประกอบประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 และประกาศกรมศุลกากรที่ 185/2564
กรณีดังกล่าวเนื่องมาจากการสืบสวนสอบสวนขบวนการลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาภายในราชอาณาจักร / โดยผู้อำนวยการกองคดีภาษีอากร ได้สั่งการให้สืบสวนแล้วพบว่ามีการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทย แต่ผู้นำเข้าไม่ดำเนินการทางพิธีการของศุลกากรจึงได้ทำการเปิดตู้สินค้าเพื่อตรวจสอบ และพบบุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้ง ซุกซ่อนปะปนกับ สินค้าอื่น
ทั้งนี้ ของกลางที่ตรวจยึดได้ดังกล่าว กรมศุลกากรได้ประเมินราคาเพื่อแจ้งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อดำเนินคดี โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษจะได้เร่งทำการสืบสวนสอบสวนและขยายผลไปยังตัวการ ผู้ใช้และผู้สนับสนุน ภายใต้การบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องและมาตรการพิเศษอย่างเด็ดขาด เพื่อป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ จากการตรวจค้นตั้งแต่ธันวาคมปี 2567 สามารถยึดของกลางได้รวมกว่า 4 แสนชิ้นรวมมูลค่ากว่า 60 ล้านบาท หลังจากนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการพิจารณาว่าเข้าข่ายคดีพิเศษหรือไม่ โดยของกลางจะเก็บรักษาไว้ที่กรมศุลกากร ซึ่งหากเข้าข่ายคดีพิเศษก็จะดำเนินการต่อไป จากนั้นเมื่อคดีสิ้นสุดก็จะทำลายของกลางทั้งหมด
//////

สรุปข่าว
ที่มาข้อมูล : ทีมข่าวสังคม
ที่มารูปภาพ : พัชราภรณ์ พลายงาม