สธ.ตั้งเป้าใช้ Telemedicine - Health Rider - ใบรับรองแพทย์ดิจิทัล ภายใน ก.ย.นี้

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายขับเคลื่อนไปสู่ระบบการให้บริการสุขภาพดิจิทัล โดยนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ ให้ประชาชนได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว ลดระยะเวลารอคอย ลดการเดินทางและค่าใช้จ่าย ซึ่งจะส่งผลไปถึงการลดความแออัดของสถานพยาบาลและภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์ โดยในส่วนของระบบบริการการแพทย์และสาธารณสุขทางไกล (Telemedicine) ซึ่งนำมาใช้มากขึ้นในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ขณะนี้ได้ขยายการให้บริการในสถานพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขมากขึ้น และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง พบว่า มีส่วนช่วยลดจำนวนรับบริการผู้ป่วยนอกลง โดยโรงพยาบาลศูนย์ปี 2565 มีผู้ป่วยนอก 23,022 คนต่อวัน ปี 2566 ลดเหลือ 15,490 คนต่อวัน และปี 2567 เหลือ 13,341 คนต่อวัน ส่วนโรงพยาบาลทั่วไป ปี 2565 มีผู้ป่วยนอก 29,299 คนต่อวัน ปี 2566 ลดเหลือ 20,303 คนต่อวัน และปี 2567 เหลือ 18,709 คนต่อวัน จึงได้ตั้งเป้าหมายให้มีการใช้ระบบ Telemedicine ร่วมกับการจัดส่งยาถึงบ้านผ่าน Health Rider และการออกใบรับรองแพทย์ดิจิทัล ลดความแออัดของผู้ป่วยนอก (OPD Case) ในสถานพยาบาลอย่างน้อย 5% ภายในเดือนกันยายน 2568 นี้ โดยให้ดำเนินงานตามประกาศสํานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง มาตรฐานการให้บริการของหน่วยบริการในการบริการการแพทย์และสาธารณสุขทางไกล พ.ศ. 2567 ซึ่งมุ่งเน้นให้การบริการ Telemedicine เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว มีความปลอดภัย มีมาตรฐาน ตรวจสอบได้ และเป็นไปตามหลักการธรรมาภิบาล 

นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า มาตรฐานของ Telemedicine ครอบคลุมทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการปรึกษา การตรวจ การวินิจฉัย การรักษา การพยาบาล การป้องกันโรค การส่งเสริมสุขภาพ และการฟื้นฟูสภาพร่างกาย โดยต้องดำเนินการ ดังนี้ 1.มีผู้ประกอบวิชาชีพตามมาตรฐานในจํานวนที่เพียงพอ โดยไม่กระทบการให้บริการหลัก 2.มีการขึ้นทะเบียนยืนยันตัวตนของผู้รับบริการและผู้ให้บริการที่รัดกุม มีระบบความปลอดภัยในบัญชี มีระดับความน่าเชื่อถือของการพิสูจน์และยืนยันตัวตนตามเกณฑ์มาตรฐานของสํานักพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) สํานักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (DGA) หรือสํานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขกําหนด 3.มีระบบเทคโนโลยีและเครื่องมือสื่อสารระหว่างผู้ให้บริการและผู้รับบริการอย่างชัดเจน เชื่อมโยงการพิสูจน์ยืนยันตัวตน การนัดหมายได้อย่างเพียงพอเหมาะสม 4.มีกระบวนการพิสูจน์ยืนยันตัวตนก่อนให้บริการของผู้รับบริการและผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือ 5.มีกระบวนการบันทึกข้อมูล วัน เวลาการให้บริการ รายงานผลการให้บริการ การตรวจสอบและยืนยันกระบวนการให้บริการทุกขั้นตอน ด้วยการบันทึกเสียง ภาพ ข้อความ หรือวิดีโอ สามารถตรวจสอบได้ โดยงานที่บันทึกไว้เป็นงานสร้างสรรค์ของหน่วยบริการ  

6.มีการชี้แจงรายละเอียด ขั้นตอนปฏิบัติ ผลที่อาจเกิดขึ้น ความเสี่ยงต่อการรับบริการและกระบวนการบันทึกข้อมูลแก่ผู้รับบริการ และได้รับความยินยอมก่อนให้บริการ 7.มีเอกสารคู่มือหรือแนวปฏิบัติการดําเนินการตามแนวทางและมาตรฐานที่สํานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขกําหนด 8.มีการบริการการแพทย์และสาธารณสุขทางไกล การจัดส่งยาและเวชภัณฑ์ตามแนวทางและมาตรฐานภายใต้ประกาศฯ ไปยังผู้ป่วยที่บ้าน 9.ผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตสามารถเข้าถึงระบบประวัติสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ของสํานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข 10.มีมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านสารสนเทศและระบบจัดเก็บข้อมูล ระบบจัดการความเสี่ยงและการควบคุมความผิดพลาดทางเทคโนโลยีการสื่อสารตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และ 11.มีการควบคุมและดูแลผู้ให้บริการและบุคลากรอื่นในหน่วยบริการที่เกี่ยวข้องกับบริการการแพทย์และสาธารณสุขทางไกล ให้ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบวิชาชีพของตนและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

“ทั้งนี้ ขอให้ความมั่นใจว่าการใช้ระบบ Telemedicine ผ่าน Digital Health Platform ของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีการเชื่อมโยงตรงถึงสมาร์ทโฟนของประชาชนผ่านแอปพลิเคชันและไลน์ OA หมอพร้อม มีระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ (Cyber Security) ที่ผ่านมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ที่รับรองโดย ETDA และ DGA" นพ.โอภาสกล่าว
สธ.ตั้งเป้าใช้ Telemedicine - Health Rider - ใบรับรองแพทย์ดิจิทัล ภายใน ก.ย.นี้

สรุปข่าว

ที่มาข้อมูล : สธ.

ที่มารูปภาพ : สธ.

avatar

กองบรรณาธิการ TNN