ชู “บ้านฉาง” เมืองต้นแบบ 5G แห่งแรกของไทย
NT ผนึกกำลัง สกพอ. เดินหน้าโครงการ บ้านฉาง เมืองต้นแบบ 5G แห่งแรกของประเทศไทย สู่อนาคตเมือง Smart City
"บ้านฉาง เมืองต้นแบบ 5G แห่งแรกของประเทศไทย " เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) กับ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน)หรือ NT เพื่อพัฒนาเทศบาลตำบลบ้านฉาง อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ให้กลายเป็นต้นแบบเมืองอัจฉริยะ เปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น ด้วยการสร้างชุมชนปลอดภัยสิ่งแวดล้อมชุมชนยั่งยืน บริการด้านสาธารณสุขและระบบสาธารณะเพื่อการท่องเที่ยวในชุมชนด้วยเทคโนโลยี 5G แห่งแรกของประเทศไทย
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กล่าวว่า เมืองอัจฉริยะ (Smart city) คือรูปแบบของเมืองแห่งอนาคต ที่ใช้เทคโนโลยีในการเชื่อมต่อระหว่างประชาชน ชุมชน กับระบบงานบริการของทางภาครัฐ และภาคเอกชนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด หัวใจของการเป็นเมืองอัจฉริยะที่สมบูรณ์แบบนั้น ประกอบไปด้วยการรวบรวมข้อมูลเทคโนโลยี (Internet of Things-IoT) ที่ทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ สามารถรับส่งข้อมูลระหว่างกันได้อย่างง่ายดายและรวบรวมข้อมูลได้อย่างเป็นระบบ ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต มาใช้ควบคู่กับการเก็บฐานข้อมูลโครงสร้างประชากรและข้อมูลทางภูมิศาสตร์จำนวนมหาศาล และนำมาวิเคราะห์แบบบูรณาการ ต่อยอดในการพัฒนานโยบายต่างๆของทางภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องนำเทคโนโลยี 5G ที่มีระบบการประมวลผล และความเร็วในการเชื่อมต่อที่เร็วขึ้น ทั้งยังสามารถสร้างศูนย์รวมข้อมูล (Data center) เพื่อจัดเก็บข้อมูลที่มีความปลอดภัยสูงสุด และสร้างแพลตฟอร์มแสดงผล ให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงประชาชนสามารถเข้าถึงและนำข้อมูลไปใช้งานได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพ
สำหรับเทศบาลตำบลบ้านฉาง ตั้งอยู่ระหว่างพื้นที่สนามบินอู่ตะเภา และนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เชื่อมต่อทางหลวงหมายเลข 7 หรือ มอเตอร์เวย์ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 10 ตารางกิโลเมตร เป็นต้นแบบเมืองอัจฉริยะ(Smart City) แห่งแรกของประเทศไทย เนื่องจากมีศักยภาพเพียงพอในการเชื่อม 3 ท่าอากาศยาน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิอู่ตะเภา) ซึ่งในอนาคตพื้นที่ดังกล่าวจะเป็นเขตเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูงในย่าน ASEAN5 ถือเป็นเมืองที่มีความสำคัญอย่างมากในการพัฒนาให้เป็นเมืองแห่งอนาคตที่อยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ยกระดับให้เป็นเมืองอุตสาหกรรมแห่งอนาคต คือ หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม ชีวภาพและเคมีชีวภาพ ดิจิทัลและการแพทย์ การบินและโลจิสติกส์โดยใช้ระบบอัจฉริยะครบวงจรด้วยเทคโนโลยี 5G
ที่ผ่านมา สกพอ. และ NT ได้ติดตั้งอุปกรณ์เพื่อทดสอบระบบเสาอัจฉริยะ 5G (5G Smart pole) แล้ว 5 เสา คาดว่าจะสร้างเพิ่มเป็น 160 เสา เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่บ้านฉาง ภายใน 2-3 เดือน สามารถใช้งานได้มากกว่า 10 ฟังก์ชัน เช่น ระบบการตรวจจับระดับสารพิษในอากาศและค่าฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่เทศบาลตำบลบ้านฉาง ตลอด 24 ชั่วโมง และส่งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐและเอกชนเพื่อเฝ้าระวังและสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ทันที
ในด้านความปลอดภัย หากประชาชนที่อยู่ในบริเวณพื้นที่ที่มีเสาสมาร์ทโพล 5G เกิดอุบัติเหตุหรือประสบอันตรายรวมถึงภัยที่เกิดจากรถชน ประชาชนสามารถกดปุ่มขอความช่วยเหลือ (SOS) จากเสาสมาร์ทโพล 5G ใกล้ตัวหรือแจ้งผ่านแอปพลิเคชันเมืองได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ก็สามารถตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวได้จากกล้องวงจรปิดที่มีระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) สามารถสังเกตการณ์รวมถึงการวิเคราะห์ตรวจจับใบหน้าอาชญากรหรือตรวจสอบคนหายโดยโครงการนำสัญญาณ 5G มาประยุกต์ใช้ในการโอนถ่ายและเชื่อมข้อมูลกับภาครัฐ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าถึงข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ (RealTime) และช่วยเหลือได้ทันเวลา
นอกจากนี้ยังสามารถดูแลและรักษาความปลอดภัยโดยการนำโดรน 5G ไร้คนขับทำหน้าที่บินสำรวจบริเวณหาดและท่าเรือ หาเรือจอดซ้อน เพื่อตรวจสอบคนลอบเข้าเมือง และการเดินเรือที่ผิดกฎหมาย หรือแม้แต่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในทะเล
ด้านนายณัฐวุฒิ ศาสตราวาหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสื่อสารไร้สาย 2 NT กล่าวว่า ขณะนี้ทางบริษัทได้วางท่อ เสา สายส่งสัญญาณ ระบบไฟเบอร์ออพติกสำหรับโครงข่าย 5G โดยเฉพาะเพื่อรองรับการให้บริการผ่านคลื่นสัญญาณย่าน High Band ความถี่ 26 GHz ที่ได้รับการจัดสรรคลื่นความถี่ล่าสุดจาก สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ซึ่งทั้งหมดถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานของบริการโทรคมนาคมที่ภาคเอกชนสามารถใช้งานได้ร่วมกัน (Infrastructure Sharing) เพื่อลดการลงทุนซ้ำซ้อนระหว่างภาครัฐกับเอกชนใช้ทรัพย์สินของรัฐให้เกิดประโยชน์สูงสุด และไม่เป็นการผูกขาดทางธุรกิจ