เทียบกองทุน SSF และ RMF ต่างกันอย่างไร ลดหย่อนภาษีเลือกแบบไหนคุ้มกว่า?
เปิดรายละเอียด กองทุน SSF และ RMF ต่างกันอย่างไร หากต้องการซื้อเพื่อลดหย่อนภาษีในอนาคต เลือกแบบไหนดีจึงจะคุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่าย?
เข้าใกล้เดือนสุดท้ายของปี 2564 แล้ว หลายคนอาจจะยังกำลังมองค่าใช้จ่ายที่จะนำมาลดหย่อนภาษี ซึ่งหนึ่งในตัวเลือกที่นิยมก็คือ การซื้อกองทุน หรือการลงทุนผ่านกองทุนรวมต่างๆ ได้แก่ กองทุน SSF และ RMF แต่อาจจะยังเลือกไม่ถูกว่าจะลงทุนกองทุนไหนดี แล้วแต่ละกองทุนนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร กองทุนไหนเหมาะกับใคร เพราะทั้งสองกองทุนใช้วงเงินลดหย่อนภาษีเดียวกัน คือ รวมกันไม่เกิน 500,000 บาท
รู้จักกองทุน SSF คืออะไร
กองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว พิเศษกว่ากองทุนรวมทั่วไปตรงที่รัฐบาลอนุญาตให้สามารถนำจำนวนเงินที่ซื้อกองทุน SSF มาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป โดยจะลดหย่อนแบบปีต่อปี ซื้อปีไหน ก็ลดหย่อนปีนั้น ในช่วงระยะเวลาปี 2563-2567
โดยเงินในกองทุนนั้นจะนำไปลงทุนในหลักทรัพย์ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ กองทุนรวมผสม ฯลฯ ซึ่งมีความยืดหยุ่นมากกว่า LTF ที่กำหนดให้ลงทุนในหุ้นสามัญภายในประเทศไทย
ข้อแตกต่างจากกองทุนรวมทั่วไปของ กองทุน SSF
1. เงินลงทุนนำมาลดหย่อนภาษีได้
2. ไม่สามารถโอน จำนำ หรือนำหน่วยลงทุนไปเป็นหลักประกันได้
3. มีนโยบาย ทั้งจ่ายปันผลและไม่จ่ายปันผล
เงื่อนไขในการลงทุน กองทุน SSF
- ไม่มีจำนวนเงินขั้นต่ำในการซื้อ
- ซื้อได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ และต้องไม่เกิน 200,000 บาท
- เมื่อรวม RMF + SSF + PVD + กบข. + กอช. + ประกันบำนาญแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท
- ต้องถือครองไม่น้อยกว่า 10 ปี นับจากวันที่ซื้อ (นับแบบวันชนวัน)
- ปีที่ใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ได้เป็นระยะเวลา 5 ปี (ปี 2563 - 2567)
กองทุน SSF มีข้อแตกต่างจาก RMF อย่างไร?
1. SSF ถือหน่วยลงทุน 10 ปีนับจากวันที่ซื้อ โดยที่ RMF ถือหน่วยจนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และถือหน่วยลงทุนมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี จึงจะขายได้
2. SSF ไม่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี ส่วน RMF ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี หรือปีเว้นปี ไม่ระงับการซื้อเกินกว่า 1 ปีติดต่อกัน
3. SSF ลงทุนสูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท ส่วน RMF ลงทุนสูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุน SSF , PVD, กบข., เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ,กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายของ รร.เอกชน, กองทุนการออมแห่งชาติ
เทียบกองทุน SSF และ RMF ต่างกันอย่างไร
เงื่อนไขการลงทุน | กองทุน SSF | กองทุน RMF |
วงเงินที่ได้รับสิทธิลดหย่อน | ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี ไม่เกิน 200,000 บาท ลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท | ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 500,000 บาท ลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท |
เงื่อนไขวงเงินลดหย่อน | รวมกับ RMF,SSF,PVD,กบข.,ประกันชีวิตแบบบำนาญแล้วไม่เกิน 500,000 บาท | |
ระยะเวลาถือครอง | ถือไม่น้อยกว่า 10 ปี นับจากวันซื้อ | 5 ปี นับจากวันซื้อ อายุไม่ต่ำกว่า 55 ปี ณ วันขาย |
ปีที่ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ | ซื้อระหว่างปี 2563-2567 (หักภาษีได้ปีต่อปี) | ลงทุนได้เรื่อยๆ ไม่มีกำหนดในการสิ้นสุดการลงทุน |
จำนวนซื้อขั้นต่ำ/สูงสุด | ไม่มีขั้นต่ำ/ไม่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี | ไม่มีขั้นต่ำ/เริ่มแล้วต้องซื้อต่อเนื่อง อย่างน้อยปีเว้นปี |
หลักทรัพย์ที่ลงทุน | ลงทุนในหลักทรัพย์ ได้ทุกประเภท |
กองทุน SSF มีอะไรที่คล้ายกับ กองทุน RMF บ้าง?
1. ลงทุนในหลักทรัพย์ได้ทุกประเภท
2. หากลงทุนครบตามเงื่อนไข จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
3. ไม่สามารถโอน จำนำ หรือนำหน่วยลงทุนไปเป็นหลักประกันได้
4. ใช้วงเงินลดหน่อยรวมเดียวกัน คือ ไม่เกิน 500,000 บาท
กองทุน SSF เหมาะกับใคร?
เหมาะกับผู้เริ่มต้นวัยทำงานเพื่อเป็นแรงจูงใจในการออมเงินระยะยาว โดยเงินที่ผู้ลงทุนจ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุน SSF จะได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
รู้จักกองทุน RMF คืออะไร?
RMF ย่อมาจาก Retirement Mutual Fund หรือ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เป็นกองทุนรวมที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนให้คนไทยเก็บออมระยะยาวเพื่อเอาไว้ใช้จ่ายในยามเกษียณอายุ คล้ายๆ กับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) ของเอกชน และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ของข้าราชการ ซึ่งมีนโยบายการลงทุนให้เลือกหลากหลายลงทุนในหลักทรัพย์ได้ทุกประเภทเหมือนกองทุนรวมทั่วไป ตั้งแต่กองทุนที่มีระดับความเสี่ยงต่ำ เน้นลงทุนในตราสารหนี้ เช่น พันธบัตร กองทุนที่มีระดับความเสี่ยงปานกลาง ที่อาจผสมผสานระหว่างการลงทุนในตราสารหนี้ และตราสารทุน กองทุนที่มีระดับความเสี่ยงสูง เน้นลงทุนในตราสารทุน
โดย RMF หลักเกณฑ์ใหม่นั้น มีการปรับสัดส่วนในการลดหย่อนภาษีเพิ่ม จากเดิมที่ 15% เป็นไม่เกิน 30% ของเงินได้ และไม่เกิน 500,000 บาท และนับรวมกองทุนอื่น ๆในวงเงินด้วย (เช่น กองทุน SSF กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน กองทุนการออมแห่งชาติ หรือเบี้ยประกันภัยสำหรับการประกันชีวิตแบบบำนาญ) และยกเลิกกำหนดจำนวนขั้นตํ่าในการลงทุนจากเดิม 5,000 บาท เป็นเท่าไรก็ได้ โดยไม่ระงับการซื้อเกิน 1 ปีติดต่อกันเช่นเดิม
กองทุน RMF มีข้อแตกต่างจากกองทุนรวมทั่วไปอย่างไร?
1. เงินลงทุนนำมาลดหย่อนภาษีได้ หากมีการลงทุนเป็นไปตามเงื่อนไขที่ทางการกำหนด
2. หากลงทุนไม่ถึง 5 ปี กำไรที่ได้รับจากการลงทุน (capital gain) ต้องนำไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
3. ไม่สามารถโอน จำนำ หรือนำหน่วยลงทุนไปเป็นหลักประกันได้
4.ไม่มีการจ่ายเงินปันผล
เงื่อนไขในการลงทุน กองทุน RMF มีอะไรบ้าง?
- ไม่มีขั้นต่ำในการซื้อ
- ซื้อได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ และต้องไม่เกิน 500,000 บาท (รวม PVD, กบข., เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ,กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายของ รร.เอกชน, กองทุนการออมแห่งชาติ, กองทุน SSF
- ลงทุนต่อเนื่องทุกปี หรือปี เว้นปี จนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
- ระยะเวลาการถือครอง ต้องถือครองไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุนครั้งแรก และถือจนถึงอายุ 55 ปีบริบูรณ์
สิทธิประโยชน์ทางภาษี RMF มีอะไรบ้าง
หากปฏิบัติตามเงื่อนไขการลงทุน ผู้ลงทุนจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีถึง 2 ทาง คือ อย่างแรก เงินซื้อหน่วยลงทุนใน RMF จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามที่จ่ายจริงสูงสุด 30% ของเงินได้ในแต่ละปี โดยเมื่อนับรวมกับเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท และ ต้องถือหน่วยลงทุนจนครบอายุ 55 ปีบริบูรณ์และลงทุนมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี
และอย่างที่สอง คือ กำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุน (Capital Gain) ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ หากลงทุนมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี
ข้อควรระวังจากการลงทุน RMF
1. ระงับการซื้อหน่วยลงทุนเกินกว่า 1 ปีติดต่อกัน ทั้งที่ยังคงมีเงินได้ หรือ
2. จำนวนเงินลงทุนไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ หรือ
3. ขายคืนหน่วยลงทุนก่อนที่ผู้ลงทุนจะอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
โดยหากเป็นไปตามข้อหนึ่งข้อใด ก็ถือว่าผิดเงื่อนไขการลงทุน ยกเว้น ว่า เป็นกรณีที่ผู้ลงทุนเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ จะไม่ถือว่าผิดเงื่อนไขการลงทุน
แต่หากเผลอทำผิดเงื่อนในการลงทุน RMF ผู้ลงทุนต้องทำอย่างไรดี?
- กรณีที่ลงทุนไม่ถึง 5 ปี ต้องคืนเงินภาษีทั้งหมดทุกปี ที่ได้รับยกเว้นไป และเมื่อขายคืนหน่วยลงทุน ต้องนำกำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุน (Capital Gain) ไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ซึ่งในทางปฏิบัติเมื่อผู้ลงทุนขายคืน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจะหักภาษี ณ ที่จ่าย 3% ของกำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุนไว้ก่อน และเมื่อผู้ลงทุนไปยื่นแบบเสียภาษีเงินได้ ก็จะคำนวณอีกครั้งว่าจะต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกหรือไม่ อย่างไร
- กรณีที่ลงทุนตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป และมีการผิดเงื่อนไข จะต้องคืนเงินภาษีที่ได้รับยกเว้นไปในช่วง 5 ปีย้อนหลัง
**การชำระภาษีตามข้อ 1 และ 2 ต้องชำระภายในเดือนมีนาคมของปีถัดจากปีที่ผิดเงื่อนไข
กองทุน RMF เหมาะกับใคร?
1. เหมาะสำหรับคนทุกที่ต้องการออมเงินเพื่อวัยเกษียณ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพอิสระ ซึ่งไม่มีสวัสดิการออมเงินเพื่อวัยเกษียณมา
2. ลูกจ้าง พนักงานหรือข้าราชการ ที่มีสวัสดิการออมเงินเพื่อวัยเกษียณอยู่แล้ว แต่ต้องการจะออมเพิ่มเติมให้มากขึ้น
3. ลูกจ้างหรือพนักงาน ที่นายจ้างและลูกจ้างยังไม่พร้อมใจที่จะจัดให้มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ทำให้ลูกจ้างไม่สามารถสะสมเงินลงทุนเพื่อวัยเกษียณได้
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเลือกกองทุนไหน สิ่งสำคัญคือพิจารณาถึงเป้าหมายหรือความต้องการจริงๆของเราก่อน ถ้าต้องการลงทุนเพื่อการเกษียณอายุ RMF ก็จะตอบโจทย์ แต่ถ้าเน้นที่การออมระยะยาว ประมาณ 10 ปี SSF ก็จะตอบโจทย์มากกว่า รวมถึงพิจารณาถึงอายุประกอบกับระยะเวลาในการลงทุนด้วย ตลอดจนความเสี่ยงและนโยบายการลงทุนของกองทุน หรือความยากง่ายในการหาข้อมูลในการลงทุน ทางที่ดีควรปรึกษากับผู้จัดการกองทุนกองทุนที่เราสนใจก่อนก็ได้ เพราะในเบื้องต้นจะมีแบบประเมินให้ได้ทดสอบเพื่อดูว่าเราเหมาะกับกองทุนแบบไหน ที่สำคัญคือพิจารณา ศึกษาข้อมูลให้รอบคอบและละเอียดที่สุด เพราะการลงทุนมีความเสี่ยงทั้งนั้น....
ข้อมูล : www.scb.co.th/th/personal-banking, https://support.finnomena.com/
ภาพประกอบ : AFP