TNN คนไทยทนทุกข์ 3 ภัยไซเบอร์ “ช้อปออนไลน์ - แอปฯ กู้เถื่อน - แก๊งคอลเซ็นเตอร์”

TNN

TNN Exclusive

คนไทยทนทุกข์ 3 ภัยไซเบอร์ “ช้อปออนไลน์ - แอปฯ กู้เถื่อน - แก๊งคอลเซ็นเตอร์”

คนไทยทนทุกข์ 3 ภัยไซเบอร์  “ช้อปออนไลน์ - แอปฯ กู้เถื่อน - แก๊งคอลเซ็นเตอร์”

ย้อนข้อมูลปี 67 คนไทยทนทุกข์ “ช้อปออนไลน์ - แอปฯกู้เถื่อน - แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ” 3 ภัยไซเบอร์ ได้รับการร้องเรียนมากสุด

ในยุคที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน ความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้นจากการใช้งานแพลตฟอร์มดิจิทัล มาพร้อมกับความเสี่ยงใหม่ที่ผู้บริโภคต้องเผชิญ ในช่วงระหว่างเดือนตุลาคม 2566 ถึงเดือนกันยายน 2567 สภาผู้บริโภคได้ดำเนินการรวบรวมข้อมูลและรายงานสถานการณ์ผู้บริโภคจากเรื่องร้องทุกข์ทั่วประเทศ โดยข้อมูลดังกล่าวครอบคลุมการรับเรื่องร้องทุกข์จากสำนักงานสภาผู้บริโภค หน่วยงานประจำจังหวัดใน 19 จังหวัด และองค์กรสมาชิกของสภาผู้บริโภค


ปี 2567 มีจำนวนผู้บริโภคที่ร้องทุกข์เข้ามาทั้งหมด 17,028 เรื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความกังวลและปัญหาหลากหลายที่เกิดขึ้นในสังคม อย่างไรก็ตาม สภาผู้บริโภคสามารถช่วยเหลือผู้บริโภคให้ได้รับการชดเชยและเยียวยาสำเร็จแล้ว 13,639 เรื่อง คิดเป็น 80.10% ของเรื่องร้องทุกข์ทั้งหมด รวมมูลค่าความสำเร็จในการคุ้มครองผู้บริโภคสูงถึง 236,785,311.63 บาท


สำหรับอีก 3,389 เรื่องที่ยังคงอยู่ระหว่างการดำเนินการ สภาผู้บริโภคได้มุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาและสนับสนุนสิทธิของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยในกรณีที่ไม่สามารถไกล่เกลี่ยหรือยุติปัญหาได้ สภาผู้บริโภคจะให้การสนับสนุนด้านกฎหมาย รวมถึงช่วยเหลือในการฟ้องร้องคดีเพื่อปกป้องสิทธิของผู้บริโภค


“ช้อปออนไลน์ ได้ของไม่ตรงปก” 


จากรายงานข้อมูลการใช้จ่ายออนไลน์ของประเทศในทวีปเอเชียช่วงปี 2563–2565 ของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่าคนไทยมีการใช้จ่ายออนไลน์เติบโตเฉลี่ย 30.6% ต่อปี ซึ่งสูงที่สุดในเอเชีย โดยผู้บริโภคคนไทยใช้จ่ายออนไลน์เฉลี่ยอย่างน้อย 1 ครั้งต่อวัน สอดคล้องกับข้อมูลจาก Statista ที่ระบุว่าในปี 2566 การซื้อของออนไลน์ของคนไทยสูงเป็นประวัติการณ์ ด้วยมูลค่าถึง 700,000 ล้านบาท   

สภาผู้บริโภคเปิดเผยว่าได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคจำนวน 7,565 เรื่อง โดยปัญหาส่วนใหญ่มาจากการซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยเฉพาะการสั่งซื้อของผ่านเพจเฟซบุ๊ก สภาผู้บริโภคได้ดำเนินการให้คำแนะนำเบื้องต้น เจรจาไกล่เกลี่ยกับเพจที่มีปัญหา และในกรณีที่ไม่สามารถเจรจาได้ จะประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปิดเพจดังกล่าว

มาตรการสำคัญที่สภาผู้บริโภคผลักดันคือ “เปิดก่อนจ่าย” ซึ่งอนุญาตให้ผู้บริโภคสามารถเปิดพัสดุเพื่อตรวจสอบสินค้าได้ก่อนชำระเงิน มาตรการนี้จะช่วยลดปัญหาสินค้าไม่ตรงปกและการได้รับสินค้าที่ไม่ได้สั่ง จนกระทั่งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้ออกประกาศควบคุมธุรกิจการให้บริการขนส่งสินค้าโดยเรียกเก็บเงินปลายทาง ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2567


แอปฯ เงินกู้เถื่อนสะท้อนปัญหาเศรษฐกิจ


ปัญหาด้านการเงินและการธนาคารถือเป็นกลุ่มปัญหาอันดับสองที่สภาผู้บริโภคได้รับเรื่องร้องเรียนจำนวน 4,033 เรื่อง เศรษฐกิจไทยที่เปราะบางนำไปสู่ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูง ค่าครองชีพที่สวนทางกับรายได้ และการกู้ยืมเงินจากแหล่งนอกระบบ เช่น แอปพลิเคชันเงินกู้เถื่อน ที่มีการจ่ายเงินไม่ครบวงเงิน คิดดอกเบี้ยในอัตราสูงเกินควร และละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เช่น การนำข้อมูลส่วนตัวไปเผยแพร่เพื่อสร้างความอับอาย


แก๊งคอลเซ็นเตอร์คุกคามคนไทยต่อเนื่อง 


ในปี 2567 สภาผู้บริโภคได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และภัยออนไลน์จำนวน 1,829 เรื่อง โดยมิจฉาชีพใช้วิธีการหลอกลวง เช่น โทรศัพท์อ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ส่ง SMS พร้อมลิงก์ปลอม หรือหลอกให้รักเพื่อให้โอนเงิน สภาผู้บริโภคได้ให้คำแนะนำรายกรณี พร้อมแจ้งเตือนภัยผู้บริโภคให้ระวังการกดลิงก์และการหลอกลวงในรูปแบบต่าง ๆ  โดยสภาผู้บริโภคได้จัดเวทีเสวนาเพื่อยกระดับการป้องกันและเยียวยาผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากภัยไซเบอร์ โดยร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจไซเบอร์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวงดีอี) และธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหา เช่น เสนอมาตรการหน่วงการโอนเงินตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไปเป็นเวลา 24 ชั่วโมง และแจ้งเตือนผู้บริโภคทันทีเมื่อมีธุรกรรมที่มีความเสี่ยงสูง


ข้อมูลจาก: สภาผู้บริโภค 

ภาพจาก: Getty Images 

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง