ฆาตกรสังหาร CEO ถูกเชิดชูเป็น “ฮีโร่” เกิดอะไรขึ้นกับอเมริกา ?
ช่วงเช้าวันที่ 4 ธันวาคม เวลา 06.44 น. เสียงปืนดังสนั่นหน้าโรงแรมฮิลตัน ใจกลางมหานครนิวยอร์ก กระสุนพุ่งเป้าไปยัง ‘ไบรอัน ทอมป์สัน’ CEO บริษัทประกัน UnitedHealthcare จนเสียชีวิต
การฆาตกรรมเป็นความผิดร้ายแรง เกินยอมรับได้ แต่โศกนาฏกรรมต่อ CEO วัย 50 ปี กลับให้ผลตรงกันข้าม เมื่อชาวอเมริกันต่างยกย่องมือปืนรายนี้ ว่าเป็น “ฮีโร่” เพราะประชาชนจำนวนมาก ต้องทนทุกข์กับการเอารัดเอาเปรียบของบริษัทประกันมาเป็นเวลายาวนาน
เหตุลอบสังหารครั้งนี้ จุดประกายข้อถกเถียงในสังคม เพราะชาวอเมริกันหลายหมื่นรายต้องเสียชีวิตจากระบบประกันสุขภาพในสหรัฐฯ หลายคนถึงกับพูดว่า นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่วันหนึ่งจะมีคนลุกขึ้นมาใช้ความรุนแรงกับผู้บริหาร ที่หากินกับชีวิตคนแบบนี้
---มือปืนเป็นใคร ?---
หลังจากตามล่าหามือปืนหลายวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวชายคนดังกล่าว ได้เมื่อวันจันทร์ (9 ธันวาคม) ที่ผ่านมา โดยเปิดเผยชื่อคนร้ายรายนี้ คือ ‘ลุยจิ มาจิโอนี’ ชายหนุ่มวัย 26 ปี ผู้จบการศึกษาจากกลุ่มมหาวิทยาลัยในกลุ่ม Ivy League
‘ลุยจิ มาจิโอนี’ มาจากตระกูลนักธุรกิจ ซึ่งเป็นที่รู้จักกว้างขวางในรัฐแมรีแลนด์ จบการศึกษาจากโรงเรียนเอกชนชายล้วน “กิลแมน” ที่ค่าเทอมสูงถึงราว 1.27 ล้านบาทต่อปี และจบการศึกษาระดับปริญญาตรี และปริญญาโท สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย
ข้อมูลบนโซเชียลมีเดียของเขา ระบุว่า เขาทำงานเป็นวิศวกรข้อมูล ให้กับบริษัท TrueCar ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการค้าขายรถยนต์ ทั้งรถใหม่ และรถมือสอง แต่ทางบริษัทออกมาเปิดเผยว่า มาจิโอนีลาออกไปตั้งแต่ปี 2023
เพื่อนของมาจิโอนี เผยว่า เขาเป็นคนที่ฉลาดสุดในชั้นเรียน และเป็นแค่คนธรรมดา ๆ คนหนึ่ง
นอกจากนี้ เขายังเป็นหัวหน้าทีมหุ่นยนต์ และนักเรียนทุนประจำโรงเรียน หนำซ้ำยังได้รับเกียรติให้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ ในฐานะตัวแทนนักเรียนที่มีเกรดเฉลี่ยสูงสุดตลอดระยะเวลา 4 ปีด้วย
ก่อนหน้านี้ มาจิโอนีต้องทนกับอาการปวดหลังเรื้อรังมาเป็นเวลานาน ก่อนที่จะเริ่มขาดการติดต่อ และหายหน้าหายตาไปจากคนรู้จัก จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
แม้เขาจะไม่เคยบ่นเกี่ยวกับอาการปวดหลัง แต่เพื่อนของเขาเชื่อว่า เรื่องนี้ น่าจะส่งผลใหญ่ต่อชีวิตเขา
---ชาวอเมริกันยกย่องเป็น “ฮีโร่”---
สามวันหลังจากก่อเหตุ และเจ้าหน้าที่สามารถระบุตัวมือปืนได้ แทนที่ชาวอเมริกันจะต่อว่าต่อขานคนร้าย ถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับ CEO บริษัทประกันสุขภาพ แต่พวกเขากลับเลือกที่จะยกย่องว่า มาจิโอนีเป็น “ฮีโร่” พร้อมภาวนาขอให้เขารอดจากการจับกุม
ระหว่างการไล่ล่าหาตัวคนร้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจถึงกับร้องขอประชาชนให้ช่วยส่งเบาะแส เกี่ยวกับมือปืนรายนี้ แต่ผู้คนบางส่วนกลับเลือกที่จะนิ่งเฉย และให้กำลังใจคนร้ายผ่านช่องทางต่าง ๆ บนโซเชียลมีเดีย บางกลุ่มถึงขั้นจัดประกวด แต่งตัวเหมือน ‘มาจิโอนี’ ในวันเกิดเหตุ เพื่อแสดงให้เห็นถึงแรงสนับสนุนของสาธารณชนที่มีต่อความรุนแรงดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญมองว่า การที่ประชาชนออกมาสนับสนุนถึงการก่อเหตุครั้งนี้ อาจจะยิ่งจุดประกายให้เกิดเหตุรุนแรงที่ลักษณะคล้ายคลึงกันซ้ำขึ้นได้อีกครั้ง
ทั้งนี้ ตำรวจจับกุมตัว ‘มาจิโอนี’ ได้ที่ร้านแมคโดนัลล์ ในรัฐเพนซิลเวเนีย และพบเอกสารทั้งหมด 3 หน้า ที่คาดว่า จะสื่อให้เห็นถึงแรงจูงใจของการก่อเหตุครั้งนี้ โดยเอกสารดังกล่าว วิพากษ์วิจารณ์ถึงบริษัทด้านสุขภาพ ที่คำนึงถึงผลกำไรมากกว่าการรักษาพยาบาลผู้ป่วย
---ระบบสุขภาพอันเลวร้าย ทำชาวอเมริกันไม่ทน---
การก่อเหตุของมาจิโอนีครั้งนี้ ส่งผลให้บริษัทที่เกี่ยวข้องทางด้านสุขภาพ โดยเฉพาะกับบริษัทยา และบริษัทประกัน ต่างตื่นตัว แห่ถอนภาพผู้บริหารออกจากเว็บไซต์ หวั่นเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยกับ CEO บริษัท UnitedHealthcare
สิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องกลัวขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่า ความเห็นและความโกรธเกรี้ยวของสาธารณชนได้พรั่งพรูออกมา สะท้อนให้เห็นถึงความอดทนอดกลั้นของผู้คน ที่ต้องทนกับปัญหาระบบสุขภาพของอเมริกามายาวนาน
ความล้มเหลวของระบบสุขภาพสหรัฐฯ ทำให้ประชาชนต้องแบกรับค่าใช้จ่ายด้านการรักษาเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ราคายาที่สูงขึ้น ด้วยเหตุผลว่า ต้องลงทุนกับงานวิจัย, การเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่ซับซ้อนของโรงพยาบาล ตลอดจนแผนประกันที่ราคาสูงลิ่ว และมีเงื่อนไขจำกัด
“สหรัฐฯ มีระบบการดูแลสุขภาพที่แพงสุดในโลก แต่กลับคร่ำครวญว่า ประเทศมีอายุขัยอยู่ในอันดับที่ 42 ของโลก” หนึ่งในข้อความที่ ‘มาจิโอนี’ เขียนลงบนเอกสาร 3 แผ่น
ชาวอเมริกันหลายล้านคนต้องกลายเป็นหนี้จากการรักษา และถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างหนักจากบริษัทเหล่านี้ โดยเฉพาะกับบริษัทประกันสุขภาพ ที่มักจะปฏิเสธการเคลม หรืออนุมัติค่ารักษาล่าช้าโดยมองว่า การรักษาพวกนี้ ไม่จำเป็นต่อผู้ป่วย จนทำให้ประชาชนต้องเสียชีวิตจากการรักษาล่าช้า หรือ ไม่ได้รับการรักษาเลย
“ถอดถอน” “ปฏิเสธ” “ล่าช้า” 3 คำนี้ ถูกสลักอยู่บนกระสุนที่สังหาร CEO บริษัทประกันรายนี้ ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความอัดอั้นของ ‘มาจิโอนี’
แม้ว่าอนาคตเราจะไม่รู้ว่า เหตุการณ์นี้จะส่งแรงกระเพื่อม จนเกิดการเปลี่ยนแปลงต่อระบบดูแลสุขภาพอเมริกามากแค่ไหน แต่เชื่อว่า เรื่องราวเหล่านี้ ได้จุดประกายให้สังคมออกมาเรียกร้องความยุติธรรมด้านการรักษา ซ้ำยังเหมือนเป็นการส่งข้อความไปถึงคนชนชั้นสูง ที่คอยมองเห็นแต่กำไรมากกว่าชีวิตผู้คน ว่า พวกเขาจะไม่ทนให้ถูกเอาเปรียบอีกต่อไป
แปล-เรียบเรียง: พรวษา ภักตร์ดวงจันทร์
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
https://www.vox.com/future-perfect/390111/united-healthcare-ceo-shot-insurance-hospitals-doctors
https://www.theguardian.com/commentisfree/2024/dec/09/brian-thompson-unitedhealthcare-assassination
https://www.cbsnews.com/news/luigi-mangione-healthcare-ceo-shooting-what-we-know/
ข่าวแนะนำ