
เครื่องบินขนส่งชาวเวเนซุเอลาเดินทางออกจากสหรัฐฯ ไปถึงประเทศเอลซัลวาดอร์แล้วเมื่อวานนี้ ตามเวลาท้องถิ่น โดยนาย นายิบ บูเคเล ประธานาธิบดีเอลซัลวาดอร์ ระบุในโพสต์บนเครือข่ายสังคมออนไลน์ว่า ชาวเวเนซุเอลา 238 คนเป็นสมาชิกแก๊ง "เทรน เด อารากัว" (Tren de Aragua) ขณะที่อีก 23 คนเป็นสมาชิกแก๊ง MS-13 แล้วถูกส่งตัวต่อไปยังศูนย์กักขังเพื่อการก่อการร้ายของเอลซัลวาดอร์ทันที โดยจะรับโทษจำคุกอีก 1 ปี หรือนานกว่านั้น
การเนรเทศชาวเวเนซุเอลากลุ่มนี้เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ มีคำสั่งให้หยุดการเนรเทศตามคำประกาศของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งอ้างถึงพระราชบัญญัติการเป็นศัตรู ที่อนุญาตให้รัฐบาลกักขัง หรือเนรเทศบุคคลที่เป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของประเทศ โดยไม่ต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้อง และเมื่อทราบข่าวว่าเครื่องบินที่มีผู้ถูกเนรเทศออกเดินทางแล้ว ผู้พิพากษาจึงสั่งให้ส่งพวกเขากลับ แต่เครื่องบินยังคงลงจอดที่เอลซัลวาดอร์ตามกำหนดเวลา
ด้านเวเนซุเอลาประณามสหรัฐฯ บังคับใช้กฎหมายยุคสงครามฉบับนี้ โดยระบุว่าเป็นการทำให้ผู้อพยพชาวเวเนซุเอลากลายเป็นอาชญากรอย่างไม่เป็นธรรม และทำให้ฉากที่ดำมืดที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติปรากฏขึ้นอีกครั้ง โดยเปรียบเทียบกับการค้าทาส และค่ายกักกันนาซี

สรุปข่าว
ด้านทนายความของกลุ่มสิทธิมนุษยชนซึ่งยื่นฟ้องทำเนียบขาวสหรัฐฯ ตั้งคำถามว่า รัฐบาลละเมิดคำสั่งศาลหรือไม่ ส่วนกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลแล้วเมื่อวานนี้
สำหรับศูนย์กักขังฯ ของเอลซัลวาดอร์ ที่รองรับผู้ต้องขังชุดนี้ เป็นเรือนจำความปลอดภัยสูงสุดที่สร้างขึ้นใหม่ สามารถรองรับผู้ต้องขังได้ถึง 40,000 คน แต่ถูกกลุ่มสิทธิมนุษยชนวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีการทารุณกรรมผู้ต้องขัง

ชาญชัย ประทีปวัฒนะวงศ์