มหากาพย์แก้หนี้คนไทย 5 รัฐบาล...5 บทเรียน (ไม่) จบ
ย้อนรอยมาตรการแก้หนี้ของ 5 รัฐบาลไทย ประชานิยม vs. ยั่งยืน ทำไม "มะเร็งร้าย" นี้ยังไม่หายขาด? บทเรียนไหนที่รัฐบาลใหม่ต้องจำ?
มหากาพย์แก้หนี้คนไทย บทเรียนและความหวังผ่าน 5 รัฐบาล
ปัญหาหนี้สินในสังคมไทยไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็น "มะเร็งร้าย" ที่กัดกินเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนมาอย่างยาวนาน แม้รัฐบาลแต่ละยุคจะทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อ "รักษา" แต่ทำไมอาการของ "คนไข้" กลับไม่ดีขึ้น? วันนี้เราจะพาทุกท่านย้อนรอยมาตรการแก้หนี้ผ่าน 5 รัฐบาล เพื่อดูว่าเราได้เรียนรู้อะไรจากความสำเร็จและความล้มเหลวที่ผ่านมา
ยุคทักษิณ ประชานิยมกับการปลดหนี้
เมื่อย้อนกลับไปในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร (พ.ศ. 2544-2549) เราเห็นความพยายามแก้ปัญหาหนี้ผ่าน "นโยบายประชานิยม" ที่โดดเด่นที่สุดคือ "โครงการพักชำระหนี้เกษตรกร" ที่ให้เกษตรกรพักชำระหนี้กับ ธ.ก.ส. เป็นเวลา 3 ปี นับเป็น "ยาแรง" ที่หวังจะช่วยให้เกษตรกรได้พักหายใจ
อีกหนึ่งนโยบายที่สร้างความหวังคือ "กองทุนหมู่บ้าน" ที่จัดสรรเงินกองทุนหมู่บ้านละ 1 ล้านบาท เพื่อเป็น "แหล่งทุน" ให้ชาวบ้านกู้ยืมไปประกอบอาชีพ แต่คำถามที่ตามมาคือ ทำไมหลายกองทุนถึงประสบปัญหา "หนี้เสีย" และบางแห่งถึงขั้น "ล้มละลาย"? นี่คือบทเรียนสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่า การแจกเงินอย่างเดียวไม่พอ ต้องสร้าง "ภูมิคุ้มกันทางการเงิน" ให้ประชาชนด้วย
ยุคอภิสิทธิ์ บททดสอบจากวิกฤตโลก
รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พ.ศ. 2551-2554) เผชิญกับ "วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์" ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก มาตรการ "พักชำระหนี้" และ "ปรับโครงสร้างหนี้" ถูกนำมาใช้เป็น "เครื่องมือ" ช่วยเหลือทั้งประชาชนและธุรกิจ SMEs
แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ รัฐบาลชุดนี้เริ่มให้ความสำคัญกับ "การเพิ่มความยืดหยุ่น" ในการชำระหนี้มากกว่าการ "ยกเว้น" หรือ "ปลดหนี้" แบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งอาจเป็นแนวทางที่ยั่งยืนกว่า แต่ก็มีข้อจำกัดในแง่ของ "งบประมาณ" ที่ไม่เพียงพอจะช่วยเหลือได้ทั่วถึง
ยุคยิ่งลักษณ์ สานต่อนโยบายประชานิยม
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (พ.ศ. 2554-2557) กลับมาเน้น "นโยบายประชานิยม" อีกครั้งผ่าน "โครงการสินเชื่อเกษตรกร" ที่ให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ และ "โครงการคลินิกแก้หนี้" ที่พยายามจะเป็น "ศูนย์กลาง" ในการประสานงานระหว่างลูกหนี้กับสถาบันการเงิน
แต่ปัญหาที่พบคือ การขาด "ความโปร่งใส" ในการบริหารโครงการ และการ "เข้าไม่ถึง" กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ คำถามคือ เราจะทำอย่างไรให้ "ความช่วยเหลือ" ถึงมือผู้ที่ต้องการจริงๆ?
ยุคประยุทธ์ บททดสอบจากโควิด-19
รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา (พ.ศ. 2557-2566) ต้องเผชิญกับ "วิกฤตโควิด-19" ที่ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะงักงัน มาตรการสำคัญคือการ "ปรับโครงสร้างหนี้" และ "พักชำระหนี้" โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ที่ได้รับผลกระทบหนัก
สิ่งที่น่าชื่นชมคือการพยายามสร้าง "ความยั่งยืน" ผ่านการส่งเสริมให้ลูกหนี้และเจ้าหนี้ "เจรจา" หาทางออกร่วมกัน แต่ปัญหาคือ มาตรการหลายอย่างยังคง "เข้าไม่ถึง" กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ที่เป็น "กลุ่มเปราะบาง" ที่สุดในสังคม
ยุคปัจจุบัน (2567): ความหวังใหม่หรือแค่ซ้ำรอยเดิม?
รัฐบาลปัจจุบันเสนอมาตรการ "พักชำระดอกเบี้ยบ้านและรถยนต์" 3 ปี และโครงการ "บสย.พร้อมช่วย" ที่มุ่งช่วยเหลือทั้งประชาชนและภาคธุรกิจ แต่คำถามสำคัญคือ นี่จะเป็น "จุดเปลี่ยน" ของการแก้ปัญหาหนี้ในสังคมไทย หรือจะเป็นเพียง "การผลัดวันประกันพรุ่ง" เหมือนที่ผ่านมา?
-------
สิ่งที่น่าสนใจคือ ทุกมาตรการล้วนมี "จุดร่วม" คือการพยายาม "ซื้อเวลา" ให้ลูกหนี้ แต่น้อยครั้งที่จะเห็นการแก้ปัญหาที่ "ต้นเหตุ" อย่างการยกระดับรายได้ การสร้างวินัยทางการเงิน หรือการลดค่าครองชีพ
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือการ "พัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจ" ควบคู่ไปกับการ "เสริมสร้างวินัยทางการเงิน" ให้กับประชาชน เพราะการแก้ปัญหาหนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของ "ตัวเลข" แต่เป็นเรื่องของ "คุณภาพชีวิต" ที่ต้องพัฒนาไปพร้อมๆ กัน
ในท้ายที่สุด การแก้ปัญหาหนี้ต้องเป็น "วาระแห่งชาติ" ที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน ไม่ใช่แค่เป็นภาระของรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว เพราะ "หนี้" ไม่ใช่แค่ปัญหาของ "คนเป็นหนี้" แต่เป็นปัญหาของ "สังคมไทย" ที่เราทุกคนต้องช่วยกันแก้ไข
ภาพ Freepik
ข่าวแนะนำ