ปิตาธิปไตย: รากเหง้าที่ตอกย้ำเพดานกระจกในวงการความมั่นคง
ปี 2024 แล้ว แต่ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจและผู้บัญชาการเหล่าทัพ ยังคงเป็นของผู้ชาย สะท้อนปัญหา "ระบบปิตาธิปไตย" ที่ขัดขวางโอกาสของผู้หญิง ถึงเวลาหรือยังที่สังคมไทยต้องทลายกำแพงนี้?
ปี 2024 แล้ว แต่เราก็ยังไม่เคยเห็นผู้บัญชาการตำรวจหรือผู้บัญชาการเหล่าทัพที่เป็นผู้หญิง ทั้งที่ผู้หญิงในวงการเหล่านี้มีความสามารถไม่แพ้ผู้ชาย หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องปกติ แต่หากพิจารณาให้ลึกซึ้ง จะพบว่านี่คือผลพวงของ "ระบบปิตาธิปไตย" ที่ฝังรากลึกในสังคมไทย
"ผู้ชายต้องเป็นผู้นำ ผู้หญิงต้องตามหลัง" - ความเชื่อเก่าแก่ที่ถูกปลูกฝังมาหลายชั่วอายุคน ยังคงมีอิทธิพลต่อการกำหนดบทบาทหญิงชายในสังคม โดยเฉพาะในองค์กรด้านความมั่นคงที่มักถูกมองว่าต้องการ "ความแข็งแกร่ง" "ความเด็ดขาด" และ "ภาวะผู้นำ" - คุณสมบัติที่สังคมมักผูกติดกับความเป็นชาย
แต่ความจริงคือ ความเป็นผู้นำไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพศสภาพ หลายประเทศได้พิสูจน์แล้วว่าผู้หญิงสามารถนำองค์กรด้านความมั่นคงได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างในนอร์เวย์ เยอรมนี หรือนิวซีแลนด์ ที่มีผู้หญิงดำรงตำแหน่งผู้นำกองทัพและหน่วยงานความมั่นคงระดับสูง
การเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มจากการตั้งคำถามกับระบบที่มีอยู่
ทำไมการคัดเลือกผู้นำจึงมักจำกัดอยู่แค่กลุ่มผู้ชาย?
ทำไมโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งของผู้หญิงจึงมีจำกัด?
และที่สำคัญ เราจะสร้างระบบที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ได้อย่างไร?
การทลายกำแพงปิตาธิปไตยไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างเพศ แต่เป็นการสร้างสังคมที่ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกัน เพราะความมั่นคงของชาติไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพศของผู้นำ แต่อยู่ที่ความสามารถและวิสัยทัศน์ ถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยต้องก้าวข้ามกรอบความคิดเดิมๆ และเปิดทางให้คนที่มีความสามารถได้นำพาองค์กรไปข้างหน้า ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นเพศใดก็ตาม
ภาพ Freepik
ข่าวแนะนำ