จากกรณี ‘คิม แซรน’ การสะท้อนปิตาธิปไตยในวงการบันเทิงเกาหลี

นักแสดงหญิงทำผิด แต่กลับสู่วงการบันเทิงแทบไม่ได้

เป็นนักแสดงตัวท็อปเหมือนกัน แต่นักแสดงชายได้ค่าตัวเยอะกว่า 

เปิดตัวมีแฟน ฝั่งไอดอลหญิงโดนคอมเม้นถล่ม 

ไอดอลหญิงมีแฟนก็โดนด่า ไม่แต่งงานก็โดนวิจารณ์


นี่ล้วนแต่เป็นโครงสร้างปิตาธิปไตย ในวงการบันเทิงเกาหลี 


เกาหลีใต้ เป็นประเทศที่มีโครงสร้างปิตาธิปไตย หรือชายเป็นใหญ่ฝังรากลึกในสังคมมาตั้งแต่โบราณ จากลัทธิขงจื้อที่แพร่ขยายและมีอิทธิพล ทำให้สังคมมีความเชื่อว่า ผู้ชายมีบทบาทมากกว่าผู้หญิง และสิ่งนี้ก็สะท้อนมาตลอดในเกาหลี ไม่ว่าจะในทางการเมือง หรือสถาบันครอบครัว 


เช่นเดียวกับในวงการบันเทิงเกาหลีเอง ที่เหล่าเซเลบริตี้ มีแสงโดดเด่น และถูกจับตามองเป็นพิเศษ ปิตาธิปไตยก็เป็นสิ่งที่มักถูกสะท้อนให้เห็นในวงการนี้เช่นกัน 


วงการที่ผู้หญิงแทบไม่ได้รับโอกาสเริ่มต้นอีกครั้ง


จากกรณีล่าสุด ของคิม แซรน จากกรณีเมาแล้วขับ แม้ว่าจะมีการชดใช้เงิน และเข้ากระบวนการตามกฎหมาย แต่ก็เห็นได้ว่า นักแสดงหญิงมักพบการถูกวิพากษ์วิจารณ์ที่รุนแรงกว่า อาชีพหยุดชะงัก และกลับเข้าสู่วงการยากกว่าผู้ชาย ซึ่งก็มาจากทั้งอคติทางสังคมเรื่องเพศ และการรายงานของสื่อด้วย 


ซึ่งหากไปดูสถิติ จะเห็นว่ามีดาราชายหลายคน ที่ก็เคยมีคดีเมาแล้วจับ แต่ตอนนี้กลับมาโลดแล่น เป็นที่โด่งดัง ไม่ว่าจะเป็นอี จองแจ ดารานำชายจากซีรีส์ดัง Squid Game ที่เคยถูกจับข้ออหาเมาแล้วขับถึง 2 ครั้ง ในปี 1999 และ 2002 หรือแบซึงวู ที่โดนคดีเมาแล้วขับในปี 2020 แต่ก็กลับมารับบทในซีรีส์ Light Shop ไม่กี่ปีหลังโดนคดี หรือซงคังโฮ นักแสดงดังที่ไปถึงพรมแดงฮอลลีวูดมาแล้วจาก ภาพยนตร์ Parasite ก็เคยโดยเคสเมาแล้วขับ จนโดนยึดใบขับขี่เป็นเวลา 100 วันเช่นกัน 


นอกจากนี้ยังมีดาราชายหลายคน เช่น ออมกีจุน, อี อีคยอง, คิมแจจุง, ควักโดวอน, แดซอง, อึนจีวอน และยูเซยุน ที่ต่างกลับมารับงานอีกครั้งหลังจากเกิดเหตุการณ์เมาแล้วขับ และยังอยู่ในวงการอยู่ทุกวันนี้


ประเด็นนี้ทำให้สังคมเกาหลีถูกมองว่า หากไม่ใช่คดีที่ร้ายแรง และมีผู้เสียชีวิต ดารา นักร้องชายส่วนใหญ่มักจะพักงานไป และได้รับโอกาสที่สองอย่างไม่ยากลำบาก แตกต่างจากผู้หญิง 


จากกรณี ‘คิม แซรน’ การสะท้อนปิตาธิปไตยในวงการบันเทิงเกาหลี

สรุปข่าว

วงการบันเทิงเกาหลีสะท้อนโครงสร้างปิตาธิปไตยอย่างชัดเจน สะท้อนเห็นได้ชัดจากรณีของ 'คิมแซรน' ที่ผู้หญิงมักถูกวิจารณ์รุนแรงและมีโอกาสกลับสู่วงการยากกว่าผู้ชาย แม้แต่เรื่องค่าตัวและบทบาทก็ยังต่ำกว่า ทั้งยังเผชิญแรงกดดันทางสังคมมากกว่า ซึ่งปัญหานี้ไม่เพียงสะท้อนความเหลื่อมล้ำในอุตสาหกรรมบันเทิง แต่ยังชี้ให้เห็นถึงโครงสร้างชายเป็นใหญ่ที่ฝังลึกในสังคมเกาหลีใต้และส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของผู้หญิงอย่างรุนแรง

การถูกจับตา วิพากษ์วิจารณ์ และกำหนดบทบาทที่มากกว่า


ในอุตสาหกรรมบันเทิงของเกาหลีใต้ นักแสดง หรือไอดอลหญิงมักเผชิญกับการตรวจสอบและวิพากษ์วิจารณ์ในระดับที่สูงกว่า จากรณีของแซรน ก็เห็นได้ว่าหลังคดี เธอถูกคอมเมนต์เชิงลบมากมาย และพฤติกรรมต่างๆ ของเธอหลังจากนั้น ไม่ว่าจะการไปทำงานพาร์ทไทม์ การเล่นโป๊กเกอร์ในสถานที่ถูกกฎหมาย หรือการพยายามกลับเข้าวงการบันเทิง มักได้รับกระแสเชิงลบอยู่เสมอ 


รวมไปถึงหลังเธอปล่อยภาพคู่กับคิม ซูฮยอน นักแสดงที่เคยร่วมสังกัดเดียวกัน จนถูกตั้งคำถามถึงความสัมพันธ์ ซึ่งภายหลังฝ่ายชายออกมาปฏิเสธ ทำให้กระแสด้านลบของเธอในตอนนั้นยิ่งรุนแรงขึ้น 


คิม แซรนไม่ใช่ผู้หญิงคนแรก ที่โดนคอมเมนต์รุนแรง จากการเปิดเผยความสัมพันธ์ 

เวย์ อดีตสมาชิกวงเกิร์ลกรุ๊ป Crayon Pop เคยให้สัมภาษณ์ว่า ต้นสังกัดของเธอเคยเคยวิจารณ์ถึงไอดอลเคป๊อปที่เปิดเผยความสัมพันธ์ว่า อาชีพการงานของฝั่งผู้หญิงนั้นได้จบลงแล้ว หลังเปิดเผยความสัมพันธ์ต่อสาธารณะ และต้นสังกัดยังได้เตือนพวกเธอไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์โรแมนติกใดๆ หากพวกเธอยังเห็นคุณค่าในอาชีพการงานของตัวเองด้วย


ไม่ใช่แค่เรื่องการมีแฟนที่เป็นปัญหา แต่ล่าสุด เมื่อพวกเธออายุมากขึ้น แต่ไม่แต่งงาน ก็โดนวิจารณ์เช่นกัน กับกรณีของไอดอลวง Girls' Generation ที่ตอนนี้มีอายุวง 17 ปี และสมาชิกวงมีอายุเฉลี่ย 35 ปี ก็ถูกชาวเน็ต ถูกชาวเน็ตเกาหลีตั้งคำถามว่าอายุ 30+ แล้ว ทำไมยังไม่แต่งงาน? และยังเชื่อมโยงการไม่แต่งงานของพวกเธอกับอัตราการเกิดที่ต่ำของเกาหลีใต้ ขณะที่ไอดอลชายนั้น ไม่เคยถูกมอง หรือกดดันในมุมนี้นัก 


นอกจากนี้ ผู้หญิงมักถูกพูดถึงในลักษณะที่เน้นบทบาททางเพศ โดยการศึกษาบทบาททางเพศในมิวสิควิดีโอเกาหลี และสื่ออื่นๆ ยังพบว่า 

ไอดอลหญิงมีแนวโน้มที่จะถูกมองว่าเป็นวัตถุทางเพศมากกว่า และต้องปฏิบัติตามมาตรฐานรูปลักษณ์ที่เข้มงวดกว่า 


ขณะที่ภาพของไอดอลชายคือภาพของอำนาจเหนือกว่า ก้าวร้าว และรุนแรง แม้ว่าปัจจุบันจะมีไอดอลทั้งหญิง และชาย ที่พยายามทลายภาพเหล่านั้น และมีภาพลักษณ์ใหม่ๆ แบบ unisex มากขึ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ยังมีเลนส์ หรือสายตาที่มองดารา หรือไอดอลหญิงเป็นวัตถุทางเพศอยู่ 



ช่องว่างของค่าตัวในวงการ สะท้อนบทบาทชายเป็นใหญ่


เรื่องค่าตัว และเงินเดือนเองก็เป็นสิ่งที่มีปัญหาเช่นกัน โดยเกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีช่องว่างของเงินเดือนระหว่างเพศชาย และเพศหญิงมากที่สุดในบรรดา 33 ประเทศ OECD ที่มีการสำรวจ โดยในปี 

2022 ช่องว่างค่าจ้างรายชั่วโมงระหว่างผู้ชาย และผู้หญิง สูงถึง 31.2%


ซึ่งเมื่อมาดูค่าตัวดาราตัวท็อป ที่ได้ค่าแรงมากที่สุดของเกาหลี เราก็จะเห็นความต่างนี้ 


โดย ‘คิมซูฮยอน’ นักแสดงชายที่คาดว่าได้รับค่าตัวมากที่สุดนั้น ได้รับเงินอยู่ที่ตอนละ 500 ล้านวอน ประมาณ 11.5 ล้านบาท ขณะที่ซงฮเยเคียว และจอน จีฮุน ที่เป็นตัวท็อปฝ่ายหญิง ได้ค่าตัวอยู่ที่ตอนละประมาณ 200 ล้านวอน เกือบ 4.6 ล้านบาท ซึ่งต่างกันมากกว่าครึ่งหนึ่ง เมื่อเทียบกับตัวท็อปฝ่ายชาย


ขณะที่สำนักข่าว The Korea Herald เคยเปิดเผยรายได้ของนักแสดงนำ “It's Okay To Not Be Okay” ซึ่งคาดว่านักแสดงนำชาย อย่างคิม ซูฮยอน และนักแสดงนำหญิง ซอ เยจี ได้รับค่าจ้างไม่เท่ากัน แม้รับบทนำทั้งคู่ด้วย



คิม แซรนกับอีกครั้งที่เกาหลีใต้สูญเสียหญิงสาว


และจากการเสียชีวิตล่าสุดของคิม แซรน ที่คาดว่ามาจากความเครียดในการกลับสู่วงการ และเริ่มชีวิตใหม่ หลังคดีเมาแล้วจับนั้น ยังทำให้หลายๆ คนย้อนกลับไปดูเคสเก่าๆ ที่นักแสดง ไอดอลหญิง ไม่ว่าจะเป็นซอลลี่ หรือคูฮารา ที่ต่างจบชีวิตลงในช่วงวัย 20 ปี พวกเธอมีจุดร่วมเดียวกันคือ ถูกมองด้วยอคิติทางเพศ ผ่านประสบการณ์เปิดเผยความสัมพันธ์กับฝ่ายชาย และการถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในสังคมเกาหลี 


ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา อัตราการฆ่าตัวตายของหญิงสาวชาวเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 5 ต่อปี โดยรวมแล้วเกาหลีใต้มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงสุดในกลุ่มประเทศ OECD และถึงแม้เปอร์เซ็นของผู้ชายจะฆ่าตัวตายมากกว่าผู้หญิง แต่ผู้หญิงกลับมีเปอร์เซ็นต์การพยายามฆ่าตัวตายมากกว่าด้วย


และการฆ่าตัวตายในหมู่ดารา ไอดอลนั้น จาง ซุงนัง นักวิจัยด้านการระบาทวิทยาทางสังคมของมหาวิทยาลัยชุงอัง ได้กล่าวว่า โซเชียลมีเดียมีบทบาทสำคัญ เพราะทุกสิ่งที่เหล่าดารา ไอดอลพูดนั้นมักถูกเปิดเผย ถูกบิดเบือน วิพากษ์วิจารณ์ และบางครั้งถูกขับเคลื่อนโดยการเมืองเรื่องตัวตน แสดงให้เห็นถึงความเกลียดชัง ทั้งเขายังบอกว่าการเพิ่มขึ้นของการฆ่าตัวตายในผู้หญิงนี้ ไม่ใช่กระแสเลียนแบบ แต่มาจากหลายปัจจัยด้วย 


และจริงๆ แล้วปัญหานี้ไม่ใช่แค่กับวงการบันเทิง แต่สะท้อนภาพใหญ่ของประเทศว่ากำลังมีปัญหา และปิตาธิปไตยนี้ ก็กัดกินสังคมในทุกส่วน ไม่ใช่แค่กับผู้หญิงด้วย 

avatar

กรุณพร เชษฐพยัคฆ์

แท็กบทความ

คิมแซรน
แซรน
คิมซูฮยอน
ซูฮยอน
ปิตาธิปไตย
ชายเป็นใหญ่
K-pop
เกาหลีใต้