เก็บค่ารถติด แก้รถติดจริงหรือ? กรุงเทพฯ กับโจทย์ใหญ่ Congestion Charge
การเก็บค่าธรรมเนียมรถติดในเขตเมือง: แนวคิด ผลกระทบ และการประยุกต์ใช้ในไทย
แนวคิดการเก็บค่าธรรมเนียมรถติดในเขตเมือง หรือ Congestion Charge เป็นนโยบายที่มีเป้าหมายหลักในการลดปัญหาการจราจรติดขัดและมลพิษทางอากาศในเขตเมือง โดยเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากรถยนต์ที่เข้าสู่เขตเมืองในช่วงเวลาที่การจราจรหนาแน่น วัตถุประสงค์สำคัญคือการลดจำนวนรถยนต์และกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น
ตัวอย่างความสำเร็จของการใช้มาตรการนี้ในต่างประเทศมีให้เห็นอย่างชัดเจน เช่น ลอนดอนที่ใช้ระบบ Congestion Charge ตั้งแต่ปี 2003 ส่งผลให้ปริมาณรถในเมืองลดลง 30% และมลพิษลดลงอย่างมีนัยสำคัญ สิงคโปร์กับระบบ Electronic Road Pricing (ERP) ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 1975 สามารถควบคุมจำนวนรถและส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมิลานที่ใช้ระบบ Area C ตั้งแต่ปี 2012 ช่วยลดการจราจรลง 30% พร้อมทั้งปรับปรุงคุณภาพอากาศในเมือง
สำหรับการประยุกต์ใช้ในประเทศไทย รัฐบาลกำลังศึกษาแนวทางการนำมาตรการนี้มาใช้ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเมืองที่ประสบปัญหาจราจรและมลพิษอย่างรุนแรง โดยพิจารณาพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น เช่น ถนนสุขุมวิทและถนนสีลม ควบคู่ไปกับแผนลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าเป็น 20 บาทตลอดสาย เพื่อดึงดูดให้ประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า แนวคิดนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาและหารือร่วมกับกระทรวงคมนาคม เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมในการระดมทุนสำหรับดำเนินนโยบายดังกล่าว โดยข้อเสนอเบื้องต้นคือการเก็บค่าธรรมเนียมขับรถเข้าเมืองในช่วง 5 ปีแรก ที่ 40-50 บาทต่อครั้ง ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงการคลังย้ำว่า "นี่เป็นเพียงหนึ่งในแนวทางที่กระทรวงคมนาคมเสนอมาเท่านั้น สถานะในปัจจุบันยังไม่ได้ข้อสรุป ซึ่งหลังจากนี้จะต้องมีการพูดคุยกันอย่างต่อเนื่องเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมโดยเร็วที่สุด"
หลักการสำคัญของแนวคิดนี้คือ การไม่นำเงินภาษีจากประชาชนทั้งประเทศมาใช้ในการซื้อสัมปทานรถไฟฟ้าคืน เนื่องจากโครงการนี้เอื้อประโยชน์โดยตรงต่อประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเป็นส่วนใหญ่ จึงมีแนวคิดให้ผู้ที่ได้รับประโยชน์โดยตรงเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
อย่างไรก็ตาม การนำมาตรการนี้มาใช้ย่อมส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตเมือง โดยเฉพาะผู้ที่จำเป็นต้องเดินทางเข้าออกในพื้นที่ที่อาจต้องเสียค่าธรรมเนียม
ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการวางแผนที่รอบคอบและชัดเจนเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการแก้ไขปัญหาการจราจรและการไม่เพิ่มภาระต่อประชาชนในพื้นที่มากเกินไป โดยอาจพิจารณาแนวทางต่อไปนี้:l
1. การยกเว้นหรือลดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่กำหนด เพื่อไม่ให้กระทบต่อการเดินทางในชีวิตประจำวันของพวกเขา เช่นเดียวกับที่ลอนดอนได้ดำเนินการ
2. การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกในการเดินทางที่สะดวกและคุ้มค่า
3. การสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมจากประชาชน เพื่อให้ทุกคนเข้าใจวัตถุประสงค์ของมาตรการและมีการสนับสนุนจากชุมชน
ข้อดีของการเก็บค่าธรรมเนียมรถติดมีหลายประการ ได้แก่ การลดการจราจรติดขัด การลดมลพิษทางอากาศ การส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะ และการเพิ่มรายได้ให้รัฐเพื่อนำไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในเมือง
อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้ก็มีข้อเสียและผลกระทบที่ต้องพิจารณา เช่น การเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน ปัญหาระบบขนส่งสาธารณะที่ยังไม่ครอบคลุม การยอมรับจากประชาชน และผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อธุรกิจในเขตเมือง
กล่าวโดยสรุป การเก็บค่าธรรมเนียมรถติดในเขตเมืองเป็นมาตรการที่มีศักยภาพสูงในการแก้ไขปัญหาการจราจรและมลพิษในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานคร แต่ความสำเร็จของมาตรการนี้ขึ้นอยู่กับการวางแผนที่รอบคอบ การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ และการสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของประชาชน
ทั้งนี้ ยังต้องมีการศึกษาและหารือเพิ่มเติมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับบริบทของประเทศไทย หากสามารถดำเนินการได้อย่างเหมาะสม มาตรการนี้จะช่วยพัฒนากรุงเทพมหานครให้เป็นเมืองที่มีการจราจรคล่องตัวขึ้น มีสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่ และมีความยั่งยืนมากขึ้นในอนาคต
ข่าวแนะนำ