TNN น้ำท่วมครอบคลุม 20 จังหวัด: ปภ. เร่งให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูพื้นที่

TNN

TNN Exclusive

น้ำท่วมครอบคลุม 20 จังหวัด: ปภ. เร่งให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูพื้นที่

น้ำท่วมครอบคลุม 20 จังหวัด: ปภ. เร่งให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูพื้นที่

น้ำท่วมหนัก! 20 จังหวัดไทยอ่วม ปภ. เร่งช่วยเหลือ-ฟื้นฟู อยุธยาหนักสุด กระทบกว่า 3 หมื่นครัวเรือน ติดตามสถานการณ์และแจ้งเหตุได้ที่นี่!

สถานการณ์น้ำท่วมในประเทศไทยยังคงดำเนินต่อเนื่อง โดยล่าสุดกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่ามีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมใน 20 จังหวัดทั่วประเทศ ครอบคลุมพื้นที่ 76 อำเภอ 337 ตำบล 1,561 หมู่บ้าน ส่งผลกระทบต่อประชาชนกว่า 34,373 ครัวเรือน


ความรุนแรงของสถานการณ์


สถานการณ์น้ำท่วมเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2567 และยังคงดำเนินอยู่จนถึงปัจจุบัน โดยมีจังหวัดที่ได้รับผลกระทบทั้งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ซึ่งนับเป็นภัยพิบัติที่ส่งผลกระทบในวงกว้างและยาวนาน


ภาคเหนือ: พื้นที่วิกฤต


ในภาคเหนือ มี 9 จังหวัดที่ประสบปัญหาน้ำท่วม ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตาก พิษณุโลก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ และสุโขทัย รวมพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 34 อำเภอ 119 ตำบล 544 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับผลกระทบ 8,625 ครัวเรือน โดยจังหวัดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ ตาก มีประชาชนได้รับผลกระทบถึง 2,547 ครัวเรือน


ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: สถานการณ์น่าเป็นห่วง


ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มี 7 จังหวัดที่ประสบปัญหาน้ำท่วม ได้แก่ อุดรธานี กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ มหาสารคาม นครราชสีมา บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี รวมพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 23 อำเภอ 83 ตำบล 351 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับผลกระทบ 1,077 ครัวเรือน โดยจังหวัดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ อุดรธานี มีประชาชนได้รับผลกระทบ 383 ครัวเรือน


ภาคกลาง: พื้นที่วิกฤตสูงสุด


ในภาคกลาง มี 4 จังหวัดที่ประสบปัญหาน้ำท่วมอย่างหนัก ได้แก่ สิงห์บุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา รวมพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 19 อำเภอ 135 ตำบล 666 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับผลกระทบมากถึง 24,671 ครัวเรือน โดยจังหวัดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ พระนครศรีอยุธยา มีประชาชนได้รับผลกระทบถึง 22,548 ครัวเรือน


การให้ความช่วยเหลือและการฟื้นฟู


กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ประสบภัย โดยใช้อุปกรณ์ที่หลากหลาย เช่น เฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 เครื่องสูบส่งน้ำระยะไกล รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย และรถผลิตน้ำดื่ม เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการเร่งฟื้นฟูพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว โดยการขุดตักขนย้ายดินโคลน ปรับเกลี่ยถนน และซ่อมแซมอาคารบ้านเรือน เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด


การติดตามสถานการณ์และการแจ้งเตือน


ปภ. ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและรายงานเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยประชาชนสามารถติดตามข่าวสารได้ทาง Facebook และ X (Twitter) ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมถึงแอปพลิเคชัน "Thai Disaster Alert" นอกจากนี้ ยังสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทางไลน์ "ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784" และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง



สถานการณ์น้ำท่วมในประเทศไทยยังคงเป็นปัญหาที่ต้องเฝ้าระวังและติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคกลางที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก การทำงานอย่างเต็มกำลังของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและความร่วมมือจากประชาชนเป็นสิ่งสำคัญในการบรรเทาความเดือดร้อนและฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม การเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติในระยะยาวและการพัฒนาระบบป้องกันน้ำท่วมที่มีประสิทธิภาพยังคงเป็นความท้าทายสำคัญสำหรับประเทศไทยในอนาคต

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง