ส่องโอกาสแคนดิเดตนายกฯ จาก 4 พรรคใหญ่ หลังการเมืองไทยพลิกโฉม
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้การเมืองไทยเปลี่ยนแปลง บทความนี้วิเคราะห์แคนดิเดตนายกฯจากพรรคต่างๆ พร้อมผลกระทบต่อการจัดตั้งรัฐบาลและเสถียรภาพทางการเมืองในอนาคต
เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 ต่อ 4 ให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าขาดคุณสมบัติ ถือเป็นการขาดความซื่อสัตย์สุจริตและฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ทำให้ฉากทัศน์ทางการเมืองไทยเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก คำถามสำคัญที่หลายคนสนใจคือ ใครจะก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป มาดูตัวเลือกแคนดิเดตนายกฯจากพรรคการเมืองต่างๆ กันครับ
แคนดิเดตนายกฯจากพรรคเพื่อไทย
1. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร - หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ถือเป็นตัวเต็งที่มีโอกาสเป็นนายกฯหญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย เพราะมาจากพรรคที่มีเสียงสนับสนุนมากที่สุดในสภาฯ แต่อาจถูกตั้งคำถามเรื่องประสบการณ์และความพร้อมในการบริหารประเทศ
2. นายชัยเกษม นิติสิริ - ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคเพื่อไทย โดดเด่นด้านการบริหารจัดการ แต่อาจขาดแคลนคะแนนเสียงสนับสนุนจากพรรคเล็กน้อยกว่าแพทองธาร
แคนดิเดตนายกฯจากพรรคภูมิใจไทย
1. นายอนุทิน ชาญวีรกูล - รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมหาดไทยชุดปัจจุบัน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ข้อได้เปรียบคือเป็นพรรคแกนนำที่มีเสียงเป็นอันดับสองรองจากเพื่อไทย
ตัวเลือกจากพรรคพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติ
1. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ - หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มีฐานเสียงจากข้าราชการ ทหาร และรัฐวิสาหกิจ แต่เป็นพรรคที่อ่อนแรงลงมากจากเดิม
2. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค - หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตนักการเมืองจากพรรคประชาธิปัตย์ แต่เสียงจากสส.ยังค่อนข้างน้อย ต้องอาศัยการหนุนเสียงจากพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ
ไม่ว่าแคนดิเดตนายกฯที่ได้โหวตมาจะเป็นใคร การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ก็ต้องอาศัยการเจรจาและจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีใหม่ ผ่านการต่อรองหลายรอบโต๊ะ ท่ามกลางความเปราะบางของเสียงสนับสนุนในสภา ที่อาจนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ในอนาคต
ทางออกสุดท้ายคือยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจอีกครั้งว่าจะเลือกแคนดิเดตนายกฯคนใดจากพรรคการเมืองใดเข้ามาบริหารประเทศ แต่ก็ต้องรอดูท่าทีของนายกรัฐมนตรีรักษาการที่จะขึ้นมาว่าจะยุบสภาหรือไม่
ไม่ว่าจะจัดตั้งรัฐบาลใหม่หรือเลือกตั้งใหม่ ต่างก็ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและเสถียรภาพในการบริหารประเทศ โดยเฉพาะการผลักดันนโยบายสำคัญต่างๆ ต้องจับตาติดตามกระบวนการทางการเมืองในระยะต่อไปอย่างใกล้ชิดว่า พรรคการเมืองต่างๆจะเคลื่อนไหวอย่างไร เพื่อนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่มีเสถียรภาพและได้รับความเชื่อถือ
ภาพ TNN
ข่าวแนะนำ