หวยเกษียณไม่พอ! แก้หนี้ครัวเรือน สร้างหลักประกัน สังคมสูงวัยไทย
หนี้ครัวเรือนพุ่งสูง รายได้ไม่พอใช้ สังคมสูงวัยไทยจะไปต่ออย่างไร? "หวยเกษียณ" ทางออกที่ยั่งยืนหรือไม่? มาร่วมหาคำตอบกับบทความนี้
แนวทางแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนและการสร้างหลักประกันเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุของไทย
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ให้ความเห็นว่า การพัฒนาระบบในการสร้างแรงจูงใจให้แรงงานอิสระ แรงงานนอกระบบ และประชาชนผู้มีรายได้น้อยออมเงินมากขึ้น เพื่อมีเงินใช้ดำรงชีพหลังเกษียณเป็นเรื่องที่ดี แต่มาตรการหวยเกษียณอาจไม่ได้ผลตามเป้าหมาย หากยังมีปัจจัยอื่นๆ ทั้งหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง รายได้เฉลี่ยของประชาชนที่ยังต่ำมาก และค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตที่สูงขึ้น บทความนี้จะวิเคราะห์ถึงสถานการณ์หนี้ครัวเรือนและหนทางในการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน พร้อมกับสร้างหลักประกันเพื่อรองรับสังคมสูงวัยของประเทศไทย
ปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง ส่งผลต่อการออมเพื่อเกษียณอายุ
ข้อมูลล่าสุดพบว่า หนี้ครัวเรือนไทยเทียบกับจีดีพีในไตรมาสสี่ปีที่แล้วอยู่ที่ระดับ 91.3% คาดว่าในปีนี้ตัวเลขอาจลดลงเล็กน้อย แต่ก็ยังสูงกว่า 90% ของจีดีพี ซึ่งเป็นระดับที่น่าเป็นห่วง เพราะหนี้ครัวเรือนที่สูงเกินกว่า 80% ของจีดีพี อาจส่งผลเสียต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในอนาคต สร้างความเสี่ยงต่อเสถียรภาพระบบการเงิน และอาจลุกลามไปเป็นปัญหาสังคมได้ อีกทั้งยังเป็นอุปสรรคต่อการออมเงินเพื่อเก็บไว้ใช้ยามเกษียณอีกด้วย เนื่องจากประชาชนต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยและการชำระหนี้เป็นหลัก จึงไม่มีเงินเหลือเพื่อเก็บออม
ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจและระบบสวัสดิการเพื่อรองรับสังคมสูงวัย
การปฏิรูปโครงสร้างทางสถาบันเศรษฐกิจและระบบสวัสดิการให้เหมาะสมกับโครงสร้างประชากรสังคมสูงวัยของไทยมีความสำคัญมากกว่ามาตรการหรือนโยบายประชานิยมที่เป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น การปฏิรูประบบการออมโดยเฉพาะการออมแบบบังคับเพื่อรองรับความชราภาพของสังคมไทยจำเป็นต้องให้สอดคล้องกับความพร้อมทางการเงินการคลัง และระบบสวัสดิการชราภาพของประเทศ
การบูรณาการระบบสวัสดิการสังคมทั้งสวัสดิการชราภาพที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การขยายฐานสมาชิกมาตรา 40 ของกองทุนประกันสังคม ให้แรงงานนอกระบบจ่ายเงินเข้ากองทุนเพียง 100-300 บาทต่อเดือนก็จะได้รับความคุ้มครองกรณีชราภาพด้วย นอกจากนี้ควรมีมาตรการขยายเวลาเกษียณอายุทำงานให้กับทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อรองรับสังคมชราภาพของไทย
พัฒนาสวัสดิการสำหรับทุกช่วงวัย พร้อมระบบการออมหลังเกษียณ
การพัฒนาระบบสวัสดิการสำหรับคนทุกช่วงวัย พร้อมสร้างระบบการออมหลังเกษียณจะเป็นแนวทางที่แก้ปัญหาความยากจนในวัยเกษียณได้อย่างยั่งยืน มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากกว่ามาตรการให้ความช่วยเหลือแบบสังคมสงเคราะห์เป็นครั้งคราว
ระบบสวัสดิการที่ต้องพัฒนานั้นควรประกอบด้วย 4 ฐานสำคัญ ได้แก่
1. สวัสดิการจากฐานทรัพยากรธรรมชาติ ให้ประชาชนเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างเสมอภาคกัน
2. สวัสดิการจากฐานชีวิตวัฒนธรรมในการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในชุมชน
3. สวัสดิการจากฐานประกัน เช่น ระบบประกันสังคม การสร้างระบบการออมและการประกันการมีรายได้เมื่อเกษียณ
4. สวัสดิการจากฐานสิทธิ
ควรส่งเสริมให้มีการพัฒนาระบบค่าจ่ายขั้นต่ำและเงินเดือนขั้นต่ำที่เพียงพอต่อการดำรงชีพ ควรส่งเสริมศักยภาพแรงงานในการมีส่วนร่วมพัฒนาระบบสวัสดิการ การยกระดับและขยายขอบเขตของสวัสดิการสำหรับแรงงานทุกกลุ่ม ส่งเสริมให้แรงงานลูกจ้างสามารถรวมกลุ่มเป็นสหภาพแรงงาน
ผลของการลงทุนในคนต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
การพัฒนาระบบสวัสดิการพร้อมกับการเพิ่มการออมสำหรับเกษียณอายุจะช่วยเพิ่มความมั่นคงในคุณภาพชีวิตของประชาชนและสังคมโดยรวม การมีเงินออมสำหรับวัยชราภาพจะช่วยลดภาระทางการคลังของรัฐ การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาจะช่วยบรรเทาให้ภาระหนี้ของครัวเรือนและภาคธุรกิจ รวมทั้งหนี้สาธารณะลดลง ภาระทางการเงินที่ลดลงของภาครัฐและประชาชนจะทำให้มีเงินมากขึ้นในการลงทุนทางด้านการศึกษาและสุขภาพ
การลงทุนดังกล่าวจะทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นได้ในระยะยาว สัดส่วนการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนทางด้านศึกษาและสุขภาพเทียบกับจีดีพีมากเท่าไหร่ เราก็จะได้คุณภาพทรัพยากรมนุษย์ที่ดีขึ้นอันเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตในระยะยาว
จากงานวิจัยทางเศรษฐศาสตร์ที่ศึกษาข้อมูลระหว่างประเทศ พบว่า สถานะสุขภาพของประชากรเป็นตัวแปรที่สำคัญในการอธิบายความแตกต่างของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยพบว่าประเทศที่มีอายุขัยเฉลี่ยเมื่อแรกเกิดสูงกว่า 10% จะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงขึ้น 0.3-0.4% ต่อปี หากเปรียบเทียบประเทศที่มีอายุขัยเฉลี่ยเมื่อแรกเกิดสูงสุด (77 ปี) กับประเทศที่มีอายุขัยเฉลี่ยเมื่อแรกเกิดต่ำสุด (49 ปี) จะพบว่ามีความแตกต่างของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงถึง 1.6% ต่อปี
-----------------
ในขณะที่สังคมไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างรวดเร็ว ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงกลับเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการออมเงินเพื่อวัยเกษียณของประชาชน การจะแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนและสร้างหลักประกันทางสังคมให้แก่คนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจและระบบสวัสดิการให้ครอบคลุมสวัสดิการพื้นฐานทั้ง 4 มิติ ตั้งแต่ฐานทรัพยากรธรรมชาติ ฐานวัฒนธรรม ฐานประกัน และฐานสิทธิ พร้อมทั้งต้องสร้างระบบการออมเพื่อวัยเกษียณที่มีประสิทธิภาพ
ยิ่งไปกว่านั้น ต้องมีการลงทุนในการศึกษาและสุขภาพของคนทุกช่วงวัย เพื่อเพิ่มคุณภาพทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว สุดท้ายนี้ หากประเทศไทยสามารถแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ปฏิรูประบบสวัสดิการและการออม พร้อมทั้งลงทุนในคนให้สอดคล้องกับโครงสร้างประชากรที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยได้สำเร็จ ก็น่าจะช่วยให้ประเทศฝ่าด่านความท้าทายของปัญหาหนี้ครัวเรือนและวิกฤตสังคมสูงวัยไปได้อย่างมั่นคง
ภาพ Getty Images
ข่าวแนะนำ